ECO & ESG

รำลึกพระมหากรุณาธิคุณ'พระพันปีหลวง' พระมารดาแห่งการคุ้มครองทางชีวภาพ



กรุงเทพฯ-ท่ามกลางความโศกเศร้าอาลัยของปวงชนชาวไทยต่อการเสด็จสวรรคตของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2568 สิ่งที่ยังคงประทับแน่นอยู่ในหัวใจของคนไทย คือ พระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่ทรงมีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดระยะเวลาที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเคียงข้างพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

พระองค์ไม่เพียงทรงเป็น "แม่ของแผ่นดิน" แต่ยังทรงเป็น “แม่แห่งต้นแบบ” ในการอนุรักษ์จนได้รับการถวายพระราชสมัญญานามอันสูงส่งยิ่งว่า "พระมารดาแห่งการคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพ"

พระราชปณิธาน "รักษ์ป่า" เพื่อรักษาชีวิต

พระราชดำรัสที่พสกนิกรจดจำได้แม่นยำ คือความห่วงใยที่ทรงมีต่อผืนป่า ซึ่งสะท้อนผ่านภาพที่ท่านได้ให้ไว้หลายครั้ง พระองค์ทรงเข้าพระทัยอย่างลึกซึ้งว่า "ป่า" ไม่ใช่แค่ต้นไม้ แต่คือระบบนิเวศที่เชื่อมโยงทุกชีวิต

"แต่เดี๋ยวนี้ เนื่องจากป่าไม้ถูกทำลายมาก ก็อยากให้ทุกท่านสนับสนุนการรักษาป่า ไม่ใช่เพื่อรักษาป่าอย่างเดียว แต่เพื่อรักษาชีวิตสัตว์ป่าอย่างเดียว แต่เพื่อป่าจะได้เป็นที่เก็บน้ำ น้ำฝน ป่าจะได้เก็บน้ำไว้ใต้ดิน นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งที่เรียกว่ามีพืชต่างๆ นานา ซึ่งใช้เป็นยาสมุนไพร อะไรก็ได้ที่เราจะค้นคว้าและเป็นที่พึ่งของพืชเศรษฐกิจต่างๆ" (พระราชดำรัส เมื่อวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๓๔)

พระวิสัยทัศน์นี้ คือรากฐานสำคัญของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมากมาย โดยเฉพาะ "โครงการป่ารักน้ำ" ที่ทรงพลิกฟื้นเขาหัวโล้นให้กลับมาเป็นป่าต้นน้ำที่อุดมสมบูรณ์อีกครั้ง

สู่การคุ้มครอง "ความหลากหลายทางชีวภาพ"

พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ไม่ได้หยุดอยู่แค่ผืนป่า แต่ยังแผ่ไพศาลไปถึงสิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่ที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน

  • ทรงห่วงใยพันธุ์สัตว์น้ำ: ดังที่ทรงเล่าถึงการเสด็จฯ จังหวัดปัตตานี ที่ชาวบ้านกราบทูลว่า "จับปลาพอกิน" แต่ความเป็นจริงคือพันธุ์ปลาเหลือน้อยเต็มที นำมาสู่โครงการฟื้นฟูและอนุรักษ์พันธุ์ปลาในแหล่งน้ำจืด
  • ทรงเห็นคุณค่าพันธุ์ไม้พื้นถิ่น: จากกล้วย ที่ทรงเห็นว่ามีคุณค่าและกำลังจะหายไปจนถึง พญาไม้ ที่ทรงมีพระราชดำริให้เพาะขยายพันธุ์
  • ทรงตระหนักถึงการสูญพันธุ์: ดังพระราชดำรัสที่ทรงแสดงความห่วงใยต่อการสูญเสียทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนหลายชนิดสูญพันธุ์ไปก่อนที่คนรุ่นหลังจะได้รู้จัก

“...เมื่อก่อนข้าพเจ้ายังไม่ประจักษ์อย่างถ่องแท้ถึงความสูญเสียของทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าของเรา แต่มาบัดนี้ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็นว่าเราหันมาตื่นตัวในการอนุรักษ์มากขึ้น จนถึงกับบรรจุลงในแผนพัฒนาแห่งชาติ แม้ว่ากว่าที่เราจะเริ่มตระหนักนั้นจะกินเวลาหลายสิบปีและสัตว์ป่ารวมทั้งพันธุ์ไม้ซึ่งเคยมีอยู่ในประเทศไทยเพียงแห่งเดียวในโลกอย่างเช่นเนื้อสมัน ได้สูญพันธุ์ไปแล้วหลายชนิดก็ตาม แต่ความผิดพลาดเหล่านี้คงจะเป็นบทเรียนให้เราอนุรักษ์ต่อไปด้วยความรอบคอบและถูกหลักวิธียิ่งขึ้น (พระราชดำรัส เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๒๘)

สืบสานพระราชปณิธาน

แม้ในวันนี้ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงจะเสด็จสู่สวรรคาลัยแล้ว แต่พระราชปณิธานในการอนุรักษ์ยังคงอยู่ และได้รับการสืบสานต่อโดยหน่วยงานต่างๆ รวมถึง สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) องค์กรพัฒนาเอกชนที่ขับเคลื่อนงานด้านสิ่งแวดล้อม มุ่งมั่นดำเนินงานด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยร่วมกับภาคีเครือข่ายดำเนินโครงการต่างๆ ที่สนองแนวพระราชดำริการอนุรักษ์ระบบนิเวศอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การส่งเสริมการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพในระดับท้องถิ่น การอนุรักษ์ระบบนิเวศในเขตเมือง และการทำงานร่วมกับชุมชนเพื่อฟื้นฟูทรัพยากร

พระราชกรณียกิจและพระราชดำรัสของพระองค์ จะยังคงเป็นดั่งแสงส่องทาง ให้คนไทยและองค์กรต่างๆ มุ่งมั่นสืบสานพระราชปณิธานในการ "รักษ์ป่า" และปกป้อง "ความหลากหลายทางชีวภาพ" อันเป็นมรดกล้ำค่าของแผ่นดินสืบไป

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

ขอบคุณภาพประกอบส่วนหนึ่งจาก สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม