In Bangkok
กทม.รุดตรวจสอบความปลอดภัยเหตุสาร เคมีรั่วไหลในตึกใกล้ชุมชนเล่งบ๊วยเอี๊ยะ
กรุงเทพฯ-นายธนาเดช จันทร์แก้ว ผู้อำนวยการเขตสัมพันธวงศ์ กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบเหตุสารเคมีรั่วไหลในอาคารพาณิชย์ 5 ชั้น ใกล้ชุมชนเล่งบ๊วยเอี๊ยะ รวมทั้งขั้นตอนดำเนินการและติดตามผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม เพื่อความปลอดภัยของประชาชนที่พักอาศัยในบริเวณใกล้เคียงว่า สถานีดับเพลิงและกู้ภัยสวนมะลิได้รับแจ้งจากประชาชนในซอยเยาวราช 6 เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 68 เวลาประมาณ 18.30 น. ว่าพบกลิ่นคล้ายสารเคมีรั่วไหล จึงได้ประสานสำนักงานเขตฯ เพื่อร่วมเข้าระงับเหตุและตรวจสอบข้อเท็จจริง จากการตรวจสอบพบว่า ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 5 ชั้น ประกอบกิจการสถานที่สะสมอาหาร ขณะเกิดเหตุเจ้าของร้านไม่อยู่เดินทางไปต่างประเทศและกลับมาในวันที่ 9 พ.ย. 68 โดยพนักงานแจ้งว่าได้ใช้สารเคมีล้างพื้นและคราบไขมันในเส้นท่อ เจ้าหน้าที่จึงปิดกั้นพื้นที่ทางเข้าออกห่างจากบริเวณหน้าร้านรัศมี 30 เมตร และให้เคลื่อนย้ายประชาชนออกจากบ้านเรือนบริเวณรัศมีโดยรอบร้านทั้งหมด
สำหรับจุดเกิดเหตุอยู่ชั้นที่ 1 บริเวณพื้นที่หลังบ้าน ซึ่งใช้เป็นพื้นที่ล้างภาชนะ ขณะตรวจสอบพบภายในบ้านมีกลิ่นสารเคมีรุนแรง ถังบรรจุสารเคมี ชนิด SODIUM HYDROSULFITE หมายเลข UN NO : 1384 นำเข้าจากประเทศจีน มีลักษณะเป็นผงเกล็ดละเอียดสีขาว คุณสมบัติทางเคมีที่สำคัญ สามารถลุกติดไฟได้เอง ทำปฏิกริยากับน้ำและอากาศได้ดี หากสารเกิดการลุกไหม้จะเกิดก๊าซที่มีฤทธิ์ระคายเคือง กัดกร่อนและ/หรือเป็นพิษ ซึ่งนิยมใช้ในอุตสาหกรรมฟอกขาว ฟอกย้อม ขนาดบรรจุถังละ 50 กิโลกรัม (กก.) 3 ถัง โดยถังที่ 1 ยังไม่เปิดใช้งานน้ำหนักสารเคมี 50 กก. พบถังสารเคมีรั่วไหลบริเวณก้นถัง ส่วนถังที่ 2 และถังที่ 3 เปิดใช้งานแล้วน้ำหนักประมาณถังละ 20 กก. จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบการรั่วไหลของถังสารเคมี น้ำหนักรวมทั้งสิ้นประมาณ 90 กก. เจ้าหน้าที่จึงดำเนินการปิดผนึกสารเคมีด้วยถุงพลาสติก เพื่อป้องกันไม่ให้สารเคมีสัมผัสกับอากาศและเฝ้าระวังอุณหภูมิของสารเคมีที่รั่วไหลให้คงที่ (อุณหภูมิไม่ควรเกิน 50 องศาฯ) ก่อนดำเนินการวางแผนเคลื่อนย้ายสารเคมีออกจากอาคาร พร้อมทั้งประสานผู้ประกอบกิจการขอนำสารเคมีไปกำจัดอย่างถูกวิธี ซึ่งผู้ประกอบกิจการยินยอมและได้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน โดยได้นำส่งสารเคมีไปกำจัด ณ โรงกำจัดขยะพิษเขตหนองแขม ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้เจือจางสารเคมีที่ตกค้างภายในร้านและดำเนินการระบายอากาศภายในร้านเป็นระยะเวลา 15 นาที จนภายในร้านไม่มีกลิ่นของสารเคมีดังกล่าว จึงอนุญาตให้พนักงานภายในร้านและประชาชนเข้าอาศัยภายในบ้านได้ตามปกติ
ทั้งนี้ สำนักงานเขตฯ ได้ให้คำแนะนำกับพนักงานภายในร้านและประชาชนที่พักอาศัยบริเวณใกล้เคียงในการป้องกันตนเองจากการได้รับสัมผัสสารเคมี พร้อมทั้งสอบถามข้อมูลและอาการเบื้องต้น หากพนักงานมีอาการระคายเคือง แสบคอ จมูก หรือผิวหนังเป็นแผลให้รีบเข้าพบแพทย์ทันที รวมถึงได้ประสานกรมควบคุมมลพิษและกรมโรงงานอุตสาหกรรมวางแผนหาแนวทางการควบคุมการใช้ การครอบครอง และการกำจัดสารเคมี เพื่อความปลอดภัยสำหรับประชาชนในพื้นที่
