Biz news

บี.กริมเพาเวอร์กำไรสุทธิQ3/68โตแกร่ง ลูกค้าอุตฯเพิ่มต่อเนื่อง-ต้นทุนก๊าซลด



กรุงเทพฯ-บี.กริม เพาเวอร์ กำไรสุทธิไตรมาส3/68เติบโตแข็งแกร่ง ลูกค้าอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่อง-ต้นทุนก๊าซลดลงหนุนผลประกอบการ

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานกรรมการบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสที่ 3ปี 2568มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (NNP) – ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่414ล้านบาทลดลงจากปีก่อนหน้า48.8%และEBITDA 3,533ล้านบาทลดลง15.5%ขณะที่งวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (NNP) – ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ อยู่ที่1,638ล้านบาทลดลงจากปีก่อนหน้า13.7% และEBITDA อยู่ที่ 10,990 ล้านบาท ลดลง 6.3% สาเหตุหลักมาจากการได้รับผลกระทบจากขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงที่บันทึกในส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมและการร่วมค้ารวมถึงการลดลงของรายได้จากการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงการ

อย่างไรก็ตามการดำเนินงานหลักของบริษัทฯยังคงมีความแข็งแกร่งโดยได้รับแรงสนับสนุนจาก 4 ปัจจัยหลัก 1.ปริมาณการขายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม (IUs) ในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 1.6%เมื่อเทียบกับปีก่อน2.ต้นทุนก๊าซธรรมชาติลดลง11.1%จากปีก่อน3.ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) และค่าใช้จ่ายภาษีที่ลดลงและ 4.กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ที่เกิดขึ้นจริง ส่งผลให้บริษัทฯมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่อยู่ที่521 ล้านบาทซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก163 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากปัจจัยข้างต้น รวมถึงรายการที่ไม่ใช่เงินสดจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงซึ่งเกิดจากหนี้สินคงค้างสกุลดอลลาร์สหรัฐและธุรกรรมสกุลเงินต่างประเทศ

ความเคลื่อนไหวสำคัญในไตรมาสที่ 3 ที่ส่งผลต่อการเติบโตของบี.กริม เพาเวอร์ ได้แก่ การเชื่อมเข้าระบบของลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่ในประเทศไทยจำนวน13.2 เมกะวัตต์ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ทำให้ยอดรวมเป็น33.9 เมกะวัตต์ในงวด 9 เดือน เป็นไปตามแผนเป้าหมายปี 2568 ที่ตั้งไว้ที่ 40–50 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ ในเดือนกรกฎาคมบี.กริม เพาเวอร์ ได้ประกาศจัดตั้ง บริษัทย่อยแห่งใหม่2แห่งในประเทศมาเลเซียเพื่อดำเนินธุรกิจด้านการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า และในเดือนกันยายน โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินอู่ตะเภา (เฟส1) กำลังการผลิตติดตั้งรวม18 เมกะวัตต์เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์(COD) เรียบร้อยแล้ว โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า25ปีกับกิจการไฟฟ้าสัตหีบหน่วยสวัสดิการกองทัพเรือกำลังผลิตตามสัญญา15เมกะวัตต์ และล่าสุดในเดือนตุลาคม บริษัทสมาร์ทคลีนซิสเท็มวันจำกัดซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบี.กริมเพาเวอร์ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 25 ปีกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมกำลังการผลิตตามสัญญา 16 เมกะวัตต์โดยกำหนด COD ในปี 2573

บี.กริม เพาเวอร์ ยังคงเดินหน้าขยายความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับพันธมิตรธุรกิจอย่างต่อเนื่อง อาทิความร่วมกับTexploreในกลุ่มธุรกิจเอสซีจีเคมิคอลส์ (SCGC) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่โดยใช้CHILLOX โซลูชันประหยัดพลังงานสำหรับคลังสินค้าห้องเย็นและในอุตสาหกรรมอื่นๆตอบโจทย์ความคุ้มค่าด้านการใช้พลังงานของลูกค้าภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับ GC Estate ลงนามความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ด้านพลังงานพัฒนาโครงข่ายสถานีไฟฟ้าย่อยและยกระดับระบบจำหน่ายไฟฟ้าภายในพื้นที่ของGC Estate ในนิคมอุตสาหกรรมเอเซียจ.ระยองรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมรองรับความต้องการไฟฟ้าในอนาคตได้ถึง60 เมกะวัตต์คาดว่าจะพร้อมจ่ายไฟเข้าสู่ระบบได้ในกลางปี2569

พร้อมกันนี้ ยังได้ร่วมกับRenewable Energy Solution (RES) บริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่มEGCO และบี.กริมเพาเวอร์เปิดตัวเครื่องมือตรวจวัดประสิทธิภาพแผงโซลาร์เซลล์ที่มีความยาวเกิน2 เมตรเครื่องแรกในไทยและอาเซียนเพื่อยกระดับการตรวจสอบแผงโซลาร์ให้มีมาตรฐานทั้งในด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยสร้างความเชื่อมั่นแก่องค์กรและผู้ที่ต้องการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์

การดำเนินงานไตรมาส 3ตอกย้ำความสำเร็จด้วยรางวัลและประกาศเกียรติคุณในเดือนกันยายน ได้รับรางวัลสุดยอดองค์กรดีเด่นที่น่าทำงานมากที่สุดในเอเชียประจำปี2568” เป็นปีที่4 ติดต่อกันจากHR Asia นิตยสารชั้นนำด้านทรัพยากรบุคคลของภูมิภาคเอเชียสะท้อนถึงความมุ่งมั่นด้านการบริหารและพัฒนาบุคลากร นอกจากนี้ ยังได้รับ 7 รางวัลจากเวทีHR Excellence Awards 2025ต่อเนื่องปีที่2และล่าสุดในเดือนพฤศจิกายน ได้รับรางวัล Outstanding CEO,Outstanding CFO และOutstanding IR ในกลุ่มผลิตไฟฟ้าและสาธารณูปโภคจากงานIAA Awards for Listed Companies 2025 จัดโดยสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2569 ว่า จากคาดการณ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยเศรษฐกิจจะขยายตัว1.6%ในปี2569โดยได้รับแรงหนุนบางส่วนจากการเร่งการผลิตและส่งออกไปยังสหรัฐฯภาคการท่องเที่ยวคาดว่าจะทยอยฟื้นตัวขณะที่การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มเติบโตในระดับปานกลางจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐสำหรับราคาก๊าซธรรมชาติของโรงไฟฟ้าSPP คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่290-310บาทต่อล้านBTU ซึ่งอยู่ในช่วงเดียวกับปี2568 และวางแผนนำเข้าLNG ไม่เกิน9ลำเพื่อนำเข้าสู่ระบบPool Gasพร้อมตั้งเป้าเพิ่มลูกค้าIUsรายใหม่เชื่อมเข้าระบบรวม30-40เมกะวัตต์

ทั้งนี้ ตลอดปี 2569 บี.กริม เพาเวอร์ มีโครงการที่คาดว่าจะเริ่มCODรวม 5 โครงการ ได้แก่ 1.อินทรีบี.กริมโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์80เมกะวัตต์ 2. Zhongce Rubberโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคานิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้จังหวัดระยอง35 เมกะวัตต์3.Nakwol1โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง 365เมกะวัตต์4.Huong Hoa 1โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมบนฝั่ง 48เมกะวัตต์และ 5.โครงการอื่นๆรวมกำลังการผลิตสูงสุด30 เมกะวัตต์

BGRIM ยังคงเดินหน้ามุ่งสู่การเป็นผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลก ภายใต้ยุทธศาสตร์ระยะยาว “GreenLeap – Global and Green” สอดคล้องกับเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้า 10,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2573 พร้อมก้าวสู่องค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Carbon Emissions ภายในปี 2593 หรือ ค.ศ.2050