Health & Beauty
งานวิจัยสหรัฐฯชี้ชัดผู้หญิงเอเชียแม้ไม่สูบบุหรี่ก็เสี่ยงมะเร็งปอดสูงกว่าที่คิด
หนึ่งในงานวิจัยที่สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อแนวทางการคัดกรองมะเร็งปอดในปัจจุบัน คือFANSS Trial: หลักฐานใหม่ที่วงการแพทย์ทั่วโลกกำลังจับตามอง ในเรื่องของ Female Asian Nonsmoker Screening Study (FANSS Trial) ซึ่งดำเนินการในสหรัฐอเมริกา และนำเสนอในเวทีใหญ่ของ IASLC – World Conference on Lung Cancer งานวิจัยนี้ได้คัดเลือกผู้หญิงเชื้อสายเอเชีย อายุ 40–74 ปี จำนวน 1,000 คน ที่ระบุว่า “ไม่สูบบุหรี่เลยในชีวิต” มาทำการตรวจคัดกรองด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความละเอียดต่ำ (LDCT – Low-Dose CT)
ผลการศึกษาพบข้อมูลที่สำคัญอย่างยิ่ง ได้แก่
• พบผู้ป่วยมะเร็งปอด 13 คน หรือ 1.3% เทียบเท่ากับ 1–1.5 คนต่อผู้หญิง 100 คน
• ทุกเคสเป็นมะเร็งปอดชนิด Adenocarcinoma
• ทุกคนตรวจพบการกลายพันธุ์ระดับยีน (driver mutation) เช่น EGFR และ HER2
ซึ่งพบมากในสตรีเอเชีย
• มากกว่า 90 % ของผู้ที่ตรวจพบเป็น ระยะเริ่มแรก (Early stage) ทำให้รักษาได้ง่ายและโอกาสรอดสูง
• ผู้ป่วยทุกรายได้รับการรักษาทันเวลาและ ยังไม่มีรายงานการเสียชีวิต
งาน FANSS ยังตั้งข้อสังเกตสำคัญว่าเกณฑ์การอ่านผล Lung-RADS ที่ใช้ในสหรัฐฯ มีโอกาส ประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าความเป็นจริง (under-call) เมื่อเทียบกับงานวิจัยในเอเชีย นั่นหมายความว่าจำนวนผู้หญิงที่มีความเสี่ยงจริง อาจสูงกว่าตัวเลข 1.3% ในหลายประเทศเอเชียรวมถึงประเทศไทยด้วย
รศ.นพ.ศิระ เลาหทัย ศัลยแพทย์ทรวงอกจากศูนย์ผ่าตัดส่องกล้อง โรงพยาบาลวชิรพยาบาลกล่าวว่าทำไมผู้หญิงยุคนี้จึงเสี่ยงมะเร็งปอดมากขึ้น แม้ไม่สูบบุหรี่ ? ...หลายคนมองว่ามะเร็งปอดเป็นโรคของ “ผู้ที่สูบบุหรี่จัด” แต่ข้อมูลทางการแพทย์สมัยใหม่ รวมถึง FANSS Trial ชี้ว่า ผู้หญิงเอเชียที่ไม่สูบบุหรี่ มีความเสี่ยงสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมาจากหลายปัจจัย ได้แก่ :
•ควันบุหรี่มือสองจากคนรอบข้างหรือสมาชิกครอบครัว
•ควันจากการทำอาหารโดยเฉพาะในครัวที่ระบายอากาศไม่ดี
•มลพิษทางอากาศ เช่น ฝุ่น PM2.5 ที่มีระดับสูงในเมืองใหญ่
• พันธุกรรมและความไวของเซลล์ปอดในผู้หญิงเอเชีย ที่มีโอกาสเกิดการกลายพันธุ์ง่ายกว่ากลุ่มอื่น ๆ
งานวิจัยทั่วโลกยังระบุว่าผู้หญิงที่ไม่สูบบุหรี่ มักตรวจพบมะเร็งปอดในระยะลุกลามมากกว่าผู้ชายเพราะโรคดำเนินเงียบ และไม่มีอาการเด่นชัดในระยะแรก ผสานกับข้อสรุปข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ (NCI, Thailand) พบว่า มะเร็งปอดเป็นภัยคุกคามอันดับต้น ๆ ของคนไทย โดยศึกษาจากจำนวนผู้เสียชีวิตจากมะเร็งปอด โดยข้อมูลจากสถิติจากกระทรวงสาธารณสุข ในปี 2566 ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งปอดเฉลี่ยวันละ 41 คน รวม 15,022 คนต่อปี แบ่งเป็น เพศชาย 9,450 คนและเพศหญิง 5,572 คน โดยตัวเลขนี้สะท้อนว่า มะเร็งปอดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตลำดับต้น ๆ ของประชาชนไทย และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ที่ได้รับควันบุหรี่มือสอง
สำหรับจำนวนผู้ป่วยมะเร็งปอดรายใหม่จากรายงานจากวารสารการวิจัย CancerThailand Vol.XI (2019–2021) โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติพบผู้ป่วยรายใหม่วันละ 49 คน รวม 17,947 คนต่อปีแบ่งเป็น เพศชาย 10,060 คน และเพศหญิง 6,887 คน ซึ่งข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นว่า นอกจากการเสียชีวิตที่ยังคงสูงแล้ว จำนวนผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยใหม่ก็ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องด้วยเช่นกัน โดยสัญญาณเตือนหลายครั้งผู้ป่วยคิดว่าเป็นแค่ “หวัดเรื้อรัง”หรือ “ภูมิแพ้ตามฤดูกาล” ทำให้การพบแพทย์ล่าช้าอาการที่ควรระวังคือ: อาการ 5 อย่างที่ไม่ควรมองข้าม ได้แก่
1.ไอเรื้อรังนานกว่า 2–3 สัปดาห์
2.เหนื่อยง่ายผิดปกติ
3.หายใจลำบาก
4.เจ็บหน้าอก
5.น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
หากมีอาการเหล่านี้ควรพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินทันที
สำหรับอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยนั้น หากตรวจพบเร็วอกาสรอดสูงขึ้นมาก.....โดยการตรวจคัดกรอง
ด้วย LDCT ได้รับการพิสูจน์จากงานวิจัยหลายฉบับว่า ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งปอดได้จริง งานวิจัย FANSS Trial สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการตรวจ LDCT ทำให้พบโรคในระยะเริ่มต้น ซึ่งรักษาได้แทบทั้งหมด โดยผู้ที่เหมาะสมต่อการตรวจ LDCT ได้แก่ 1. ผู้ที่อยู่กับคนสูบบุหรี่ 2. ผู้ที่มีประวัติมะเร็งปอดในครอบครัว อย่างไรก็ตาม สำหรับกลุ่มคนที่ไม่สูบบุหรี่ยังต้องจับตาอีกต่อไปในการรักษาคนกลุ่มนี้
ติดตามข่าวสารของ รศ.นพ.ศิระ เลาหทัย (ศัลยแพทย์ทรวงอก)ได้ที่เฟซบุ๊ก : ผ่าตัดปอดโดยรศ.นพ.ศิระ เลาหทัย หรือ Youtube : ผ่าตัดปอด หรือ Lineid:@lungsurgeryth หรือเว็บไซต์ www.siradoctorlung.comได้ทุกช่องทาง
โดย รศ.นพ.ศิระ เลาหทัย ศัลยแพทย์ทรวงอกจากศูนย์ผ่าตัดส่องกล้อง โรงพยาบาลวชิรพยาบาล
