In Global
5ภารกิจสำคัญในการสำรวจแอนตาร์กติก ครั้งที่ 42 ของจีน
1 พฤศจิกายน 2025 คณะนักวิจัยและทีมสำรวจเดินทางออกจากนครเซี่ยงไฮ้ มุ่งหน้าสู่แอนตาร์กติก เริ่มภารกิจสำรวจแอนตาร์กติกครั้งที่ 42 อย่างเป็นทางการ โดยมีแผนปฏิบัติภารกิจสำรวจแอนตาร์กติกระยะเวลากว่า 7 เดือน โครการสำรวจแอนตาร์กติกครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในโครงการวิจัยขั้วโลกขนาดใหญ่ที่สุดของจีน และได้รับการจับตาอย่างกว้างขวางจากวงการวิทยาศาสตร์โลก
ภารกิจครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนโดยเรือสำรวจน้ำแข็ง “เสวี่ยหลง (Xuelong)” และ “เสวี่ยหลง 2 (Xuelong 2)” พร้อมทีมงานกว่า 500 คน จากกว่า 80 องค์กรของจีน และนักวิจัยต่างชาติจากกว่า 10 ประเทศ เช่น ไทย ชิลี โปรตุเกส
ภาจกิจสำคัญของการสำรวจแอนตาร์กติกครั้งที่ 42 นี้ คือ
1. เจาะทะเลสาบใต้แผ่นน้ำแข็งลึก 3,000 เมตร ครั้งแรกของจีน
เป็นครั้งแรกที่จีนจะทดลองเจาะและเก็บตัวอย่างจากทะเลสาบน้ำลึกใต้แผ่นน้ำแข็งในทวีปแอนตาร์กติก ซึ่งมีความหนามากกว่า 3,000 เมตร โดยใช้ระบบเจาะน้ำร้อนและระบบหลอมละลายความร้อนที่จีนพัฒนาขึ้น ทะเลสาบใต้แผ่นน้ำแข็งนี้มีแรงดันสูง อุณหภูมิต่ำ มืดสนิท และขาดสารอาหาร แต่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตเฉพาะถิ่นอาศัยอยู่ ภารกิจนี้จะช่วยต่อยอดองค์ความรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศสุดขั้ว ประวัติของแผ่นน้ำแข็ง และได้หลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในอดีตกว่าหลายแสนปี ที่อาจช่วยไขปริศนาวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตบนโลก
2. เก็บข้อมูลระยะยาวในทะเลอามุนด์เซนและทะเลรอสส์
นักวิจัยมีแผนจะเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่องในพื้นที่สำคัญของทวีปแอนตาร์กติก เช่น ทะเลอามุนด์เซน และทะเลรอสส์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีผลโดยตรงต่อการละลายของแผ่นน้ำแข็งและระดับน้ำทะเลโลก ข้อมูลนี้มีความสำคัญต่อการศึกษาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคต
3. ก่อสร้างสถานีฉินหลิงให้แล้วเสร็จต้นปี 2026
อีกหนึ่งภาจกิจสำคัญคือการก่อสร้างสถานีฉินหลิง สถานีวิจัยแอนตาร์กติกแห่งที่ 5 ของจีน ซึ่งคาดว่า จะแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ 2026 โดยทีมก่อสร้างจะทำงานตกแต่งภายใน ติดตั้งระบบไฟฟ้า สร้างอาคารสังเกตการณ์ และทดสอบระบบกักเก็บพลังงานแบบผสมผสาน ทั้งพลังงานลม แสงอาทิตย์ ไฮโดรเจน ที่ช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลได้กว่า 100 ตันต่อปี สถานีฉินหลิงยังมีระบบจัดเก็บวัสดุอัจฉริยะ ตรวจจับอัคคีภัยอัตโนมัติ และควบคุมอุณหภูมิระยะไกลจากจีนได้แบบเรียลไทม์ ถือเป็น “สถานีวิจัยอัจฉริยะ” แห่งแรกของจีนในทวีปแอนตาร์กติก
4. ทดสอบเทคโนโลยีขั้วโลกชุดใหม่
ภารกิจครั้งนี้ยังเป็นสนามทดสอบเทคโนโลยีใหม่หลายรายการ เช่น รถล้อยาง “Snow Leopard” ที่จีนพัฒนาขึ้น รถแทรกเตอร์หิมะไฮดรอลิก THT550 ดาวเทียมและระบบสังเกตการณ์อัตโนมัติ ทุ่นดำน้ำสำรวจระบบนิเวศ เทคโนโลยีเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และความแม่นยำของการวิจัยและสำรวจในแอนตาร์กติก
5. ยกระดับระบบสื่อสาร
ทีมสำรวจมีแผนจะยกระดับระบบสื่อสารของสถานีจงซาน ซึ่งเป็นศูนย์กลางข้อมูลวิทยาศาสตร์ของจีนในแอนตาร์กติก เพื่อเพิ่มความเร็วในการส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ ซึ่งจะช่วยงานสำคัญ เช่น การสังเกตการณ์ธารน้ำแข็ง และวิจัยบรรยากาศ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
จีนคาดหวังว่า ภารกิจสำรวจแอนตาร์กติกครั้งที่ 42 จะเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับบทบาทของประเทศจีน และขยายความร่วมมือกับประเทศต่างๆ ในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการสำรวจขั้วโลก เพื่อพัฒนาองค์ความรู้รับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อไป
บทความ : ประวีณมัย บ่ายคล้อย
ภาพ : CGTN
