Digitel Tech & AI

Google Cloudเปิดตัว'PanyaThAI'เรือธง หนุนองค์กรไทยขยายAgentic AI 



กรุงเทพฯ-26 พฤศจิกายน 2025   Google Cloud ประกาศเปิดตัว PanyaThAI โครงการเพื่อยกระดับศักยภาพขององค์กรไทยในการพัฒนา ประยุกต์ และขยายการใช้งาน Agentic AI ระดับองค์กร เพื่อสร้างคุณค่าที่จับต้องได้ และผลลัพธ์ที่วัดผลได้จริงให้กับภาคเศรษฐกิจหลักของประเทศ โครงการนี้เริ่มต้นด้วยสมาชิกผู้ก่อตั้งจำนวน 15 องค์กร ได้แก่ บิทาซซ่า (Bitazza), จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Chulalongkorn University), ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (Dhipaya Group Holdings), ฟินโนมีนา (Finnomena), ไทยสมุทรประกันชีวิต (Ocean Life Insurance), ซีเอ็ดยูเคชั่น (SE-ED), บริษัท ช้อป โกลบอล อี-คอมเมิร์ซ จำกัด (Shop Global E-Commerce Company Limited), สยามพิวรรธน์ (Siam Piwat), แสนสิริ (Sansiri), สคูลดิโอ (Skooldio), ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET), ไทยวาโก้ (Thai Wacoal), ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO Financial Group), ท็อปส์ (TOPS)  และ ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป (True Digital Group)

“PanyaThAI” (ปัญญาไท) เป็นการเล่นคำระหว่างคำว่า “ปัญญา” และคำว่า “ไท” ซึ่งสะท้อนวิสัยทัศน์ของโครงการในการผสานสติปัญญาและความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยเข้ากับเครื่องมือทางเทคโนโลยีอันล้ำสมัยเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรม AI ระดับโลกที่สามาถส่งมอบคุณค่าที่เป็นรูปธรรมให้แก่อุตสาหกรรม สังคม และเศรษฐกิจโดยรวมของทั้งประเทศ ทั้งยังสะท้อนเจตจำนงร่วมขององค์กรสมาชิกในการนำนวัตกรรม AI มาพัฒนาอย่างมีความรับผิดชอบ

ผลการวิจัยจาก Public First เผยว่าหากองค์กรท้องถิ่นสามารถนำ AI มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพได้มากขึ้น จะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยได้ราว 730,000 ล้านบาท (ประมาณ 21,000 ล้านเหรียญสหรัฐ) ภายในปี 2030 นอกจากนี้ งานวิจัยฉบับดังกล่าวยังระบุถึง 3 อุปสรรคหลักที่จำกัดองค์กรหลายแห่งจากการใช้ประโยชน์จาก AI อย่างเต็มประสิทธิภาพ ได้แก่ 1) การทำให้โซลูชัน AI สามารถให้คำตอบที่ถูกต้องและน่าเชื่อถืออย่างต่อเนื่อง 2) การขาดแหล่งข้อมูลที่พร้อมสำหรับการใช้งาน AI 3) การขาดบุคลากรที่มีทักษะด้านการจัดการข้อมูลและ AI อย่างเหมาะสม

นายอรรณพ ศิริติกุล กรรมการผู้จัดการ Google Cloud ประเทศไทย กล่าวว่า “จากผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารทั่วโลกพบว่า มากกว่าครึ่งรายงานว่าองค์กรของตนมีรายได้เพิ่มขึ้น 6-10% จากการนำโซลูชัน AI ระดับองค์กรมาให้ทีมงานและผู้ใช้บริการได้ใช้งานโดยตรง องค์กรของพวกเขากำลังจัดสรรงบประมาณด้าน AI อย่างน้อยครึ่งหนึ่งไปยังแพลตฟอร์ม Agentic แบบครบวงจร ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นกลไกหลักในการออกแบบกระบวนการดำเนินงานใหม่ และเสริมสร้างความเป็นผู้นำทางการตลาดของพวกเขา”

“หากมองให้ลึกลงไปจะเห็นว่าบริษัทที่นำ AI ของ Google Cloud มาใช้อย่างจริงจังนั้นสามารถก้าวข้าม ‘Pilot Purgatory’ หรือการติดอยู่ในช่วงนำร่องไปได้สำเร็จ และสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) เฉลี่ยสูงถึง 727% ภายในเวลาเพียง 3 ปี พร้อมคืนทุนได้ในระยะเวลาเพียง 8 เดือน ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่ใช่ผู้ให้บริการเทคโนโลยี AI หรือแนวทางการทรานส์ฟอร์มทุกแห่งจะให้ผลลัพธ์แบบเดียวกันได้ ผ่านโครงการ PanyaThAI เรานำแบบแผนที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จมามอบให้แก่องค์กรในประเทศไทย เพื่อช่วยให้พวกเขาเข้าถึงบริการ AI แบบครบวงจร พร้อมการฝึกอบรมและการถ่ายทอดความเชี่ยวชาญที่จำเป็น ความมุ่งมั่นของเราคือการช่วยให้องค์กรสร้างทีมงานที่เข้าใจทั้งธุรกิจของตนและเทคโนโลยี AI ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแก้ไขโจทย์ที่ซับซ้อนและสร้าง ROI อย่างต่อเนื่องจาก AI ได้สำเร็จ โดยขณะนี้เราได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากองค์กรต่าง ๆ และตั้งขยายการสนับสนุนนี้ สู่องค์กรอื่น ๆ เพิ่มเติมจาก 15 องค์กรแรกที่เข้าร่วมโครงการ” นายอรรณพ กล่าวเสริม

โครงการ PanyaThAI ดำเนินตามแนวทางแบบ Full-Stack ของ Google ในการพัฒนาเทคโนโลยี AI อย่างครบวงจร เริ่มตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ที่น่าเชื่อถือและออกแบบขึ้นเฉพาะ และ งานวิจัยล้ำสมัยจาก Google DeepMind ไปจนถึงโมเดลพื้นฐานระดับแนวหน้าภายในพอร์ตโฟลิโอขนาดใหญ่ของ Google อาทิ Veo 3.1, Gemini 3, Gemini 3 Pro Image หรือที่รู้จักกันในชื่อ Nano Banana Pro และ Gemini 2.5 Computer Use รวมถึงแพลตฟอร์มแบบครบวงจรอย่าง Vertex AI และ Gemini Enterprise ตลอดจนแอปพลิเคชันสำเร็จรูปอย่าง Customer Engagement Suite และ Google Workspace ภายใต้โครงการนี้ ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูลและ AI จาก Google Cloud พร้อมด้วยพันธมิตรในระบบนิเวศจะร่วมกันสนับสนุนให้องค์กรต่าง ๆ สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใน Stack เหล่านี้ได้อย่างเต็มศักยภาพ เพื่อพัฒนาและปรับใช้โซลูชัน Agentic AI ที่ตอบโจทย์และครอบคลุมการใช้งานหลากหลายรูปแบบ กระบวนการทำงาน และเวิร์คโฟลว์ โดยให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพ ความรวดเร็ว ต้นทุน และความปลอดภัยในทุกมิติ

พันธมิตรด้านการให้คำปรึกษาและการดำเนินงานของ Google Cloud ที่ร่วมสนับสนุนโครงการ PanyaThAI ประกอบด้วย Accenture, Deloitte, Digithun Worldwide, HoriXonT8, MFEC, NTT DATA, Skooldio และ Tridorian ทั้งนี้ NTT DATA ยังได้ประกาศแผนเพิ่มจำนวนผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคของ Google Cloud ในประเทศไทยอีก 300 คน ครอบคลุมทั้งด้านการวิเคราะห์ข้อมูล, ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์, และการปรับปรุงแอปพลิเคชันให้ทันสมัย เพื่อยกระดับความพร้อมในการสนับสนุนโครงการให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

SE-Education: ก้าวสู่บทใหม่ของการค้นหาคอนเทนต์ด้านการศึกษาด้วยAI 

ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ซีเอ็ด (SE-ED) มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพด้านความรู้ของคนไทย ภายใต้ภารกิจหลักในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นการ “ทำให้คนไทยเก่งขึ้น” ในฐานะผู้จัดพิมพ์และผู้จัดจำหน่ายคอนเทนต์ด้านการศึกษาชั้นนำของประเทศ ซีเอ็ดเชื่อมโยงชุมชนเข้ากับความรู้ผ่านเครือข่ายร้านหนังสือ SE-ED Book Center และร้านหนังสือภายในมหาวิทยาลัยหลายแห่งทั่วประเทศ พร้อมทั้งการมีตัวตนอย่างครบวงจรบนแพลตฟอร์มดิจิทัล ทำให้เนื้อหากว่า 150,000 รายการเข้าถึงได้ง่ายกว่าที่เคย

เพื่อสนับสนุนภารกิจดังกล่าว ซีเอ็ดได้ร่วมมือกับ Digithun Worldwide นำ Semantic Search Agent ระบบค้นหาอัจฉริยะที่เข้าใจความหมายของข้อความและขับเคลื่อนด้วย Generative AI มาเสริมในแพลตฟอร์ม SE-ED e-Marketplace ระบบนี้สร้างบน AI Stack ของ Google Cloud เพื่อช่วยยกระดับฟังก์ชันการค้นหาที่จากเดิมเป็นเพียงเครื่องมือค้นหาตามคีย์เวิร์ด ให้กลายเป็นบรรณารักษ์ และผู้คัดสรรเนื้อหาอัจฉริยะ ตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้ค้นหาคำว่า “เซลล์แบ่งตัวอย่างไรเพื่อสร้างเซลล์ใหม่” ระบบจะแสดงผลเป็นตำราเรียนชีววิทยา คู่มือการเรียนเฉพาะทาง และการ์ตูนวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจ หรือหากค้นหาประโยคว่า “วิธีจัดการความกดดันในการทำงาน” ระบบจะนำเสนอรายการหนังสือที่คัดสรรเกี่ยวกับการจัดการความคิดเชิงลบ การสร้างสมดุลชีวิตการทำงาน และกลยุทธ์การพัฒนาตนเองในที่ทำงาน

นายนิวัฒน์ ชาตะวิทยากูล กรรมการผู้จัดการ Digithun Worldwide กล่าวว่า “เราได้ร่วมมือกับซีเอ็ดในการยกระดับแพลตฟอร์ม จากเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซแบบดั้งเดิมให้กลายเป็น e-Marketplace แบบครบวงจร ผ่านการปรับปรุงแอปพลิเคชันให้ทันสมัยบน Google Cloud ซึ่งเป็นการยกเครื่องโครงสร้างระบบดิจิทัลครั้งใหญ่ เพื่อสร้างพื้นฐานประสิทธิภาพสูง ที่สามารถรองรับการทำงานของระบบ AI ที่ซับซ้อนในอนาคตได้ เมื่อมีพื้นฐานนี้รองรับแล้ว เราได้ออกแบบ AI Search Agent ของซีเอ็ด ให้สามารถเข้าใจแนวคิด มากกว่าแค่เพียงจับคู่คีย์เวิร์ดเท่านั้น โดยเริ่มจากการใช้ โมเดล Gemini Embeddings ของ Google เพื่อคัดเลือกสินค้าที่มีความสอดคล้องกับแนวคิดและบริบทของคำค้นหาของผู้ใช้ ตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้ค้นหาวลีว่า ‘ฮีโร่ที่ทำลายแหวนแห่งอำนาจในภูเขาไฟ’ ระบบก็สามารถแนะนำหนังสือนิยาย The Lord of the Rings ได้ แม้ว่าคำค้นหาจะไม่ได้ปรากฎอยู่ในคำบรรยายสินค้าก็ตาม กระบวนการนี้อ้างอิงจากฐานข้อมูลแค็ตตาล็อกของซีเอ็ด เพื่อให้มั่นใจว่าระบบจะไม่แนะนำสินค้าที่ ‘ไม่มีอยู่จริง’ จากนั้น ผลลัพธ์ที่ผ่านการคัดเลือกจะถูกส่งต่อไปยังโมเดล Gemini 2.5 Flash ซึ่งใช้กระบวนการวิเคราะห์และให้เหตุผลเชิงลึกในการจัดอันดับและเรียงลำดับสินค้าที่จะแสดง ทำให้ผลลัพธ์สุดท้ายตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ”

นายรุ่งกาล ไพสิฐพานิชตระกูล กรรมการผู้จัดการ SE-Education กล่าวว่า “เราได้สร้างระบบนิเวศแบบออมนิชาแนลเพื่อส่งเสริมการแสวงหาความรู้และปลูกฝังวัฒนธรรมรักการอ่านให้กับประชาชนทั่วประเทศ ในฐานะผู้นำตลาด ซีเอ็ด มุ่งมั่นเป็นผู้บุกเบิกยุคใหม่ โดยมี AI Agent อัจฉริยะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยด้านการอ่านส่วนบุคคลขั้นสูงสำหรับคนไทยทุกคน จากความสำเร็จในช่วงแรกนี้ เรามีความมุ่งมั่นที่จะต่อยอดการผนวกความสามารถด้าน AI ที่มีประโยชน์และคุณค่ามากขึ้นเข้ากับแพลตฟอร์ม รวมถึงแอปพลิเคชันบนมือถืออย่าง SE-ED Reader และ e-Library by SE-ED เพื่อยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ให้ตอบโจทย์ความต้องการได้ดียิ่งขึ้น”

นางภาสพรรณี มหายศ ผู้อำนวยการสายงานธุรกิจดิจิทัล SE-Education กล่าวว่า “ผ่านการใช้ส่วนประกอบพื้นฐาน AI อันทรงพลังเช่นเดียวกับที่อยู่เบื้องหลัง Google Search ระบบ AI Search Agent ของเราช่วยให้ผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม e-Marketplace ค้นหาและพบข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ประสบการณ์ที่พัฒนาขึ้นนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าการค้นหาและพบข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพนั้นส่งผลโดยตรงต่อการตัดสินใจซื้อ ทำให้อัตราการเปลี่ยนผู้เข้าชมเป็นลูกค้า (Conversion Rate) เพิ่มจาก 12% เป็น 27% ขณะเดียวกัน อัตราการออกจากหน้าเว็บไซต์ทันที (Bounce Rate) ลดเหลือ 10% และอัตราการละทิ้งตะกร้าสินค้าอยู่ที่เพียง 6%”

ไทยวาโก้: ชูโมเดล Generative Media ‘โซลูชันที่ตอบโจทย์’ 

ไทยวาโก้ (Thai Wacoal) หนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมแฟชั่นของไทย เป็นที่รู้จักจากดีไซน์ที่ทันสมัย ความสบายระดับพรีเมียม และกระบวนการผลิตที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ด้วยพอร์ตโฟลิโอแบรนด์ที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งชุดชั้นในอย่าง Wacoal ชุดออกกำลังกาย CW-X รวมถึงเสื้อผ้าเด็ก ENFANT ทั้งนี้ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน นายประณต เวสารัชวิทย์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาดและฝ่ายขาย ไทยวาโก้ ประกาศว่าบริษัทได้ผนวก Creative AI Agent เข้าไปในห่วงโซ่คุณค่าแบบบูรณาการ ซึ่งโซลูชันนี้พัฒนาโดย Tridorian และขับเคลื่อนด้วย โมเดล Generative Media บน Vertex AI ของ Google เพื่อเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงานหลักและช่วยให้บริษัทสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

Creative Agent ดังกล่าวถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์และแก้ไข “Photoshoot Predicament” ปัญหาเรื้อรังของอุตสาหกรรมแฟชั่นที่ใช้ทั้งงบประมาณและเวลาอย่างสิ้นเปลืองในกระบวนการถ่ายภาพสินค้า เนื่องจากทุกครั้งที่มีการเปิดตัวสินค้าในเฉดสีใหม่ แบรนด์จำเป็นต้องผลิตตัวอย่างสินค้าจริง จัดส่งไปยังสตูดิโอ และถ่ายภาพกับนางแบบใหม่อีกครั้ง เพราะนักช้อปออนไลน์ส่วนใหญ่ย่อมไม่เลือกซื้อสินค้าที่มองไม่เห็นภาพจริง ด้วยบทบาทเสมือน “โรงย้อมผ้าดิจิทัล” และ “สตูดิโอออกแบบเสมือนจริง” Creative Agent ใช้ศักยภาพของโมเดล Nano Banana ในการปรับแต่งภาพเฉพาะจุดโดยยังคงความสม่ำเสมอของวัตถุ ขณะเดียวกันยังใช้โมเดล Veo 3.1 เพื่อยกระดับคุณภาพภาพและเสียงให้มีความสมจริงสูงสุด เมื่อแปลงภาพนิ่งให้กลายเป็นวิดีโอ ด้วยความสามารถดังกล่าว ทีมบริหารผลิตภัณฑ์ของไทยวาโก้สามารถสร้างภาพสินค้าที่สมจริงและวิดีโอแบบ 360 องศา สำหรับผลิตภัณฑ์ทุกเฉดสีได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยเพียงการถ่ายภาพสินค้าจริงเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น

นายแอนติก้า ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรายได้ Tridorian กล่าวว่า “โมเดล Generative Media ของ Google สามารถจำลองคุณสมบัติของเนื้อผ้าและรูปทรงสามมิติของร่างกายมนุษย์ได้อย่างแม่นยำ พร้อมคงรายละเอียดด้านแสง เงา รอยพับ และพื้นผิวไว้ครบถ้วน แม้ในขณะที่ปรับเฉดสีภาพ อีกทั้ง เรายังเชื่อมผลลัพธ์ของโมเดลเข้ากับฐานข้อมูลเฉดสีและมาตรฐานการผลิตของไทยวาโก้โดยตรง ทำให้ระบบไม่ต้อง ‘คาดเดา’ สี แต่สามารถดึงมาตรฐานการผลิตที่ถูกต้องมาใช้ และสร้าง ‘Digital Twin’ ที่ตรวจสอบได้และตรงกับสินค้าจริง โซลูชันนี้ช่วยให้ไทยวาโก้สามารถเปิดตัวและสร้างรายได้จากคอลเลกชันเสื้อผ้าหลายสีบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเปลี่ยนกระบวนการสร้างสื่อภาพและคอนเทนต์ดิจิทัลคุณภาพสูง ให้กลายเป็นโอกาสสร้างรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ