EDU Research & Innovation

ประกาศรางวัล‘วารสารศาสตราธรปี68’ 'มานิจ-พงษ์ศักดิ์'คว้ารางวัลเกียรติยศ



กรุงเทพฯ 26 พฤศจิกายน 2568-คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับสมาคมวารสารศาสตร์ ธรรมศาสตร์ จัดพิธีมอบรางวัล "วารสารศาสตราธร" ประจำปี 2568 เนื่องในโอกาสครบรอบ 71 ปี แห่งการสถาปนาคณะฯ เพื่อเชิดชูและประกาศเกียรติคุณบุคคลต้นแบบที่ใช้พลังแห่งการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้สังคม รางวัลแบ่งออกเป็น 4 สาขา รวม 8 รางวัล โดยมีรางวัลสำคัญ คือ รางวัลเกียรติยศ มอบแด่ผู้ทรงคุณวุฒิผู้มีคุณูปการอย่างยิ่งต่อวงการสื่อสารมวลชนไทย ได้แก่ นายมานิจ สุขสมจิตร และนายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร พร้อมใช้เวทีนี้เป็นแรงขับเคลื่อน “ความเชื่อมั่นต่อวิชาชีพสื่อ” ท่ามกลางยุคข้อมูลล้นโลกและเทคโนโลยี AI ตั้งแต่บทบาท การตรวจสอบข้อเท็จจริง การผลิตเนื้อหาเชิงลึกและเฉพาะทาง การทำงานร่วมกับ AI อย่างมีจริยธรรม ไปจนถึงการให้คุณค่ากับมิติความเป็นมนุษย์

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อัจฉรา ปัณฑรานุวงศ์ คณบดี คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า แม้ภูมิทัศน์สื่อในวันนี้จะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการก้าวสู่แพลตฟอร์มดิจิทัลและระบบอัลกอริทึมที่ทำให้ข่าวสารเคลื่อนที่เร็วกว่าเดิมหลายเท่า แต่บทบาทของ ‘สื่อมวลชนมืออาชีพ’ ไม่ได้ลดความสำคัญลง ตรงกันข้ามกลับยิ่งจำเป็นกว่าเดิมเพราะในยุคที่ทุกคนสามารถสร้างเนื้อหาได้ การมีผู้ทำหน้าที่ตรวจสอบ ถ่วงดุล ให้บริบท และตั้งคำถามอย่างมีจริยธรรม คือกลไกสำคัญในการรักษาความจริงและความไว้วางใจของสังคมโดยการปรับตัวของวิชาชีพสื่อในวันนี้ ไม่ใช่เพียงการแข่งขันกับเทคโนโลยี แต่คือการยกระดับบทบาทให้เหนือกว่าสิ่งที่เทคโนโลยีทำได้ด้วยการเป็นผู้คัดกรองข้อมูลเชิงลึก นักตรวจสอบข้อเท็จจริง และนักวิเคราะห์ที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลกับโครงสร้างทางสังคม เศรษฐกิจ และมนุษย์ได้อย่างรอบด้าน ตลอดจนศักยภาพที่ AI ยังเข้าไม่ถึง คือ พื้นที่ของความรับผิดชอบ ด้านจริยธรรม ความละเอียดอ่อน และความเป็นมนุษย์ นอกจากนี้คณะวารสารศาสตร์ฯ ยังมีมุมมองการปรับตัวที่จำเป็นสำหรับสื่อมวลชนคือ 

·การยกระดับบทบาทสู่ผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและผู้กลั่นกรองข้อมูล  สื่อมวลชนจะต้องเป็นทั้งผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริง (Fact-Checker) และผู้กลั่นกรองข้อมูล (Curator)  ในยุคที่ข้อมูล (Big Data) มีความซับซ้อนตลอดเวลา นอกจากนี้ ในวิกฤตสื่อสิ่งพิมพ์ในยุคดิจิทัล องค์กรสื่อยังต้องหันมาให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ และคุณภาพของเนื้อหามากกว่าการผลิตในเชิงปริมาณ การกลั่นกรองและให้บริบทเหล่านี้จะช่วยให้ผู้รับสารเข้าใจความหมายที่แท้จริงของข้อมูลในระบบนิเวศสื่อที่ซับซ้อน

·การสร้างเนื้อหาเชิงลึกและเฉพาะทาง เมื่อ AI สามารถสรุปข่าวและผลิตข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว หน้าตาของเนื้อหาข่าวสารจะเริ่มคล้ายกันมากขึ้น และทำให้ความแตกต่างของการนำเสนอข่าวของสำนักข่าวมีความคล้ายคลึงกันด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้น มูลค่าและคุณค่าที่แท้จริงของงานประเภทนี้จะถูกมุ่งไปสู่การนำเสนอประเด็นเชิงลึก การวิเคราะห์เชิงข้อมูล การเชื่อมโยงสาเหตุ–ผลกระทบ และการนำเสนอความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่หาไม่ได้จากที่อื่น ซึ่งเป็นคอนเทนต์ที่ต้องอาศัยทักษะมนุษย์ ประสบการณ์ บริบททางสังคม และจริยธรรมวิชาชีพ และการปรับตัวสู่เนื้อหาลักษณะนี้ไม่ใช่เพียงทางเลือกเพื่อความอยู่รอด แต่คือเส้นทางหลักของสื่อมืออาชีพที่จะรักษาความน่าเชื่อถือและสนับสนุนองค์กรสื่อในระยะยาว

· การทำงานร่วมกับ  AI ในฐานะเครื่องมือช่วยวิเคราะห์ ในวันที่ AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมสื่ออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ องค์กรสื่อในไทยบางแห่งได้นำ AI มาใช้ในการทำงานแล้ว นักข่าวจึงจำเป็นต้องพัฒนาความรู้และทักษะด้าน AI โดยเฉพาะ Generative AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ Data Journalism รวมถึงการเรียนรู้เพื่อสร้างความเข้าใจทั้งในกลไกของ AI  การระบุเวลาที่เหมาะสมในการนำ AI มาใช้งาน การเรียนรู้ Prompt Engineering ฯลฯ นอกจากนี้ สื่อไทยยังมีความท้าทายสำคัญคือการทำลายความกลัวต่อการเปลี่ยนแปลง และสร้างวัฒนธรรมที่มองAI เป็นพันธมิตรไม่ใช่ภัยคุกคาม พร้อมกำหนดหลักจริยธรรมและมาตรฐานการใช้งานที่ชัดเจนเพื่อรักษาความน่าเชื่อถือ ความโปร่งใสและความรับผิดชอบต่อสาธารณะในระยะยาว

·การให้คุณค่าแก่มิติความเป็นมนุษย์ แม้ AI จะประมวลผลได้รวดเร็วเพียงใด แต่มิติที่เทคโนโลยียังไม่อาจเลียนแบบคือ ความเป็นมนุษย์ สื่อมวลชนจึงต้องใช้ความละเอียดอ่อนในการตีความและถ่ายทอดเรื่องราวที่อัลกอริทึมไม่สามารถเข้าถึงได้ โดยเฉพาะความรู้สึกร่วม ความรับผิดชอบต่อสังคม และการตั้งคำถามเชิงจริยธรรม ซึ่งเป็นหัวใจของวิชาชีพวารสารศาสตร์
ยุคดิจิทัล โดยมิติความเป็นมนุษย์เหล่านี้ไม่เพียงรักษามาตรฐานของสื่อ แต่ยังกลายเป็นมูลค่าเชิงกลยุทธ์ และมูลค่าแฝงทางธุรกิจ ช่วยหล่อเลี้ยงความสัมพันธ์ระยะยาวกับผู้อ่าน ทำให้สื่อยังยืนอย่างมั่นคงในโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI

"คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะสถาบันการศึกษาชั้นนำ พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการสื่อสารในภาพรวมของประเทศ ตั้งแต่การมุ่งผลิตบัณฑิตคุณภาพที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ จรรยาบรรณวิชาชีพที่เข้มแข็ง สามารถก้าวทันโลกยุคดิจิทัล ตลอดจนการกำหนดมาตรฐานวิชาชีพที่ชัดเจน เพื่อให้วิชาชีพสื่อมวลชนไทยยังคงทำหน้าที่รักษาความจริง สร้างความไว้วางใจ เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาสังคมไทย และสามารถแข่งขันท่ามกลางภูมิทัศน์สื่อที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างยั่งยืน" ผศ.ดร.อัจฉรา กล่าวทิ้งท้าย

นายภูวนารถ ณ สงขลา นายกสมาคมวารสารศาสตร์ ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า รางวัล "วารสารศาสตราธร" จัดตั้งขึ้นมาเพื่อยกระดับมาตรฐานวิชาชีพสื่อสารมวลชนไทย และยกย่องเชิดชูเกียรติคณาจารย์ บุคลากร ศิษย์เก่า ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเท ใช้พลังแห่งการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ มีความรับผิดชอบต่อสังคม ยึดมั่นในหลักจริยธรรม จรรยาบรรณ มาตรฐานวิชาชีพ และสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้สังคม โดยเริ่มมอบครั้งแรกในปี 2565 ในวาระครบรอบ 68 ปีของคณะวารสารศาสตร์ฯ ทุกวันนี้ สื่อไทยต้องแบกรับแรงกดดันรอบด้าน ทั้งการแข่งขันกับอัลกอริทึม การแพร่กระจายของข่าวปลอม และข้อมูลบิดเบือน ความเชื่อมั่นในสื่อกระแสหลักที่ลดลง รวมถึงแรงกดดันทางการเมืองและเศรษฐกิจ ยิ่งไปกว่านั้น ยุคนี้ ยังเป็นในยุคที่ใครๆ ก็เป็นสื่อได้ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย ยิ่งทำให้ ‘เส้นแบ่ง’ ระหว่างคนทั่วไปที่แค่มีสื่อในมือ กับนักสื่อสารมวลชนมืออาชีพที่มีจรรยาบรรณและความรับผิดชอบยิ่งต้องชัดเจน รางวัลวารสารศาสตราธรตั้งขึ้นมา เพื่อชี้ให้เห็นความแตกต่างนี้ และตอกย้ำให้สังคมเห็นว่าการรักษาจรรยาบรรณและมาตรฐานวิชาชีพสื่อสารมวลชน ยังเป็นสิ่งจำเป็น และเราจะร่วมกันรักษาไว้”

สำหรับการมอบรางวัลในครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 4 สาขา รวม 8 รางวัล ได้แก่ 1) สาขาศิษย์เก่ายอดเยี่ยมด้านสื่อสารมวลชน จำนวน 2 รางวัล 2) สาขาศิษย์เก่ายอดเยี่ยมด้านจิตอาสา จำนวน 2 รางวัล 3) สาขาคณาจารย์และบุคลากรยอดเยี่ยม จำนวน 2 รางวัล 4) รางวัลเกียรติยศ ซึ่งที่ถือเป็นรางวัลพิเศษที่เพิ่มเข้ามาครั้งแรกในโอกาสครบรอบ 70 ปี คณะวารสารฯ (2567) จำนวน 2 รางวัล โดยมีรายชื่อผู้ได้รับรางวัลในแต่ละสาขา ดังนี้ 

รางวัลเกียรติยศ

นายมานิจ สุขสมจิตร อดีตบรรณาธิการอาวุโสหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ กรรมการสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และกรรมการคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน ผู้คร่ำหวอดในวงการสื่อสารมวลชนไทยมานานกว่า 6 ทศวรรษทั้งในฐานะนักข่าว นักวิชาการ ผู้นำองค์กรวิชาชีพสื่อและมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้เพื่อเสรีภาพสื่อด้วยการผลักดันให้ยกเลิก ปร.42 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ลิดรอนเสรีภาพสื่อมวลชน พร้อมทั้งยกระดับมาตรฐานวิชาชีพและสร้างบรรทัดฐานจริยธรรมสื่อให้เป็นที่ยอมรับ และด้วยผลงานอันทรงคุณค่าตลอดชีวิตที่ผ่านมา ทำให้ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น "ราชบัณฑิต" ประเภทวิชาสังคมศาสตร์ สาขาวิชานิเทศศาสตร์ สำนักธรรมศาสตร์และการเมือง และเป็นราชบัณฑิตคนแรกของวงการสื่อสารมวลชนไทย

นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร ประธานมูลนิธิอิศรา อมันตกุล อดีตประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ และคณะผู้ร่วมก่อตั้งหนังสือพิมพ์มติชน ผู้ได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งในปรมาจารย์แห่งวงการหนังสือพิมพ์ไทย มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้เพื่อเสรีภาพสื่อ สร้างมาตรฐานความถูกต้อง ยกระดับวัฒนธรรมสื่อคุณภาพ ต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีและรักษาจริยธรรมวิชาชีพสื่อสารมวลชนไทยมาโดยตลอด ภายใต้อุดมการณ์ที่ยึดมั่น “งานหนังสือพิมพ์ คือ การทำงานเพื่อคนอื่น ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง” ด้วยผลงานที่สร้างคุณูปการต่อวิชาชีพสื่อมวลชนและสังคมไทยมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ได้รับรางวัล “เกียรติยศคนหนังสือพิมพ์” ประจำปี 2568 จากสมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยอีกหนึ่งรางวัล

สาขาศิษย์เก่ายอดเยี่ยมด้านสื่อสารมวลชน

นางสาววาสนา นาน่วม คอลัมนิสต์และผู้สื่อข่าวอาวุโสสายทหาร ผู้มีบทบาทโดดเด่นในการนำเสนอข่าวสารด้านความมั่นคงอย่างเจาะลึก รอบด้าน สร้างสรรค์ มีความรับผิดชอบต่อสังคม และเป็นประโยชน์ต่อเกียรติภูมิด้านความมั่นคงของประเทศไทย

นายปฏิภาณ บุณฑริก  ผู้กำกับภาพยนตร์อิสระที่ใช้พลังสื่ออย่างสร้างสรรค์ เพื่อสะท้อนประเด็นสังคมและปัญหาสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย มีผลงานที่ได้รับรางวัลระดับนานาชาติ 2 รางวัล ได้แก่ LG OLED New Currents Award และ NETPAC Award จากภาพยนตร์ยาวเรื่อง "Solids by the Seashore" หรือ "ทะเลของฉันมีคลื่นเล็กน้อยถึงปานกลาง" จาก Busan International Film Festival 2023 

สาขาศิษย์เก่ายอดเยี่ยมด้านจิตอาสาเพื่อความยั่งยืน

นางสาวคมฉาย ธนะพานิช ผู้ช่วยผู้กำกับภาพยนตร์และผู้ร่วมก่อตั้งองค์กร ThaiWhales ผู้สร้างสรรค์เรื่องราว ทั้งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และภาพยนตร์ ถ่ายทอดประเด็นการอนุรักษ์วาฬและสัตว์ทะเลหายาก ผ่านเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย ThaiWhales รวมถึงการจัดกิจกรรมเพื่อปลุกสังคมให้ตระหนักรู้ถึงความสำคัญและร่วมมือกันปกป้องรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลอย่างยั่งยืน

นางสาวภัคธินันท์ อัครลักษมีพัชร อดีตผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะที่ 4 ที่ผ่านการรักษาจนโรคสงบ และผันตัวมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ผู้เปี่ยมไปด้วยพลังบวก ต้นแบบของการใช้สื่อโซเชียลอย่างสร้างสรรค์โดยใช้เป็นช่องทางในการถ่ายทอดประสบการณ์การต่อสู้กับโรคร้าย เพื่อสร้างกำลังใจและสร้างความหวังให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งว่าโรคนี้สามารถรักษาหายได้หากรู้วิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง

สาขาคณาจารย์และบุคลากรยอดเยี่ยม

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กมลมาศ ชาญวิเศษ อาจารย์ประจำคณะวารสารศาสตร์และสื่อสาร มวลชน อาจารย์ผู้อุทิศตนในการพัฒนาการศึกษาด้านสื่อสารมวลชน โดยเฉพาะด้านการใช้สื่อสังคมออนไลน์และวัฒนธรรมดิจิทัลของเยาวชน และสร้างสรรค์งานวิจัยที่มีคุณค่าต่อสังคม พร้อมถ่ายทอดความรู้และปลูกฝังค่านิยมที่ดีให้แก่นักศึกษารุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง

นางสาวนันท์นภัส บุญเลิศ บุคลากรผู้ทุ่มเทในการปฏิบัติงานและเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนภารกิจ ของคณะวารสารศาสตร์ฯ ด้วยความมุ่งมั่น เสียสละ รับผิดชอบ และเป็นแบบอย่างที่ดีของบุคลากรที่ทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมและพัฒนาองค์กรให้เติบโตก้าวหน้า “หากมองรายชื่อผู้ได้รับรางวัลวารสารศาสตราธรทั้งในปีนี้และปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า คนสื่อ’ ที่ได้รับการยกย่อง

มีความหลากหลาย ไม่ได้จำกัดอยู่แค่นักข่าวหรือผู้ทำงานในสื่อกระแสหลักเพียงอย่างเดียว สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของ นักสื่อสารมวลชนยุคใหม่ ที่แม้แพลตฟอร์มอาจเปลี่ยน รูปแบบอาจแตกต่างออกไป แต่สิ่งที่ยังเหมือนเดิมคือเจตนารมณ์อันมุ่งมั่นในการใช้พลังการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์เพื่อสร้างคุณค่าและการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคมรางวัลวารสารศาสตราธรจึงไม่ได้เป็นเพียงแค่การประกาศเกียรติคุณ แต่คือ 'คำมั่นสัญญาของคณะวารสารศาสตร์ฯและสมาคมฯ ที่มีต่อสังคมไทยว่า เราจะไม่ยอมปล่อยให้วิชาชีพสื่อสารมวลชนไทยต้องเสื่อมถอย จะยืนหยัดรักษามาตรฐาน และสร้าง ‘วัฒนธรรมความภาคภูมิใจ’ ว่าการทำงานในวิชาชีพสื่ออย่างมีคุณธรรมนั้นมีเกียรติ มีคุณค่า มีความหมาย สมควรได้รับการยกย่อง เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่กล้านำเสนอความจริง ยืนหยัดในความถูกต้อง และใช้พลังแห่งการสื่อสารสร้างสรรค์สังคมให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน” นายภูวนารถ กล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ ภายในงานยังมีพิธีมอบทุนการศึกษาให้แก่ศิษย์ปัจจุบันที่เรียนดีแต่ขาดโอกาสจำนวน 13 ทุน ทุนละ 10,000  บาท โดยพิธีมอบรางวัลจัดขึ้นในวันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน 2568ณ โรงภาพยนตร์ JC Cinema คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ติดตามข่าวสารของรางวัลและกิจกรรมอื่น ๆ ได้ที่ ช่องทาง เฟซบุ๊ค : สมาคมวารสารศาสตร์ ธรรมศาสตร์ (Journalism Alumni Association)