Think In Truth
ยุทธศาสตร์ทางทะเล : สมรภูมิใหม่แห่ง ภูมิรัฐศาสตร์ โดย ฟอนต์ สีดำ
บทนำ: แรงสั่นสะเทือนจากคลื่นที่ไร้เสียง
ในห้วงเวลาเพียงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ภูมิรัฐศาสตร์ของโลกได้เคลื่อนตัวจากสมรภูมิบนผืนดิน สู่สมรภูมิบนผืนน้ำอย่างช้า ๆ แต่มั่นคง และในวันนี้ คลื่นแห่งการแข่งขันนั้นได้ซัดตรงเข้าหาประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ อ่าวไทย ทะเลอันดามัน และเส้นทางเดินเรือที่โอบล้อมราชอาณาจักร มิได้ปรากฏในฐานะ “พื้นที่ชายขอบ” ของภูมิภาคอีกต่อไป หากแต่กำลังถูกยกระดับขึ้นสู่สถานะ “หัวใจใหม่” ของสมดุลอำนาจในอินโด–แปซิฟิก
สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐอินเดีย ต่างกล่าวถึงประเทศไทยในฐานะ “จุดยุทธศาสตร์ใหม่ของศตวรรษที่ 21” อย่างตรงกันในรายงานด้านความมั่นคง สะท้อนว่าประเทศไทยกำลังหลุดพ้นจากบทบาทประเทศทางผ่าน สู่การเป็น “ปมผูกชะตา” ของภูมิรัฐศาสตร์ทางทะเลของเอเชียทั้งผืน
คำถามสำคัญจึงมิใช่อีกต่อไปว่า “ไทยสำคัญหรือไม่” หากแต่คือ “ไทยจะสำคัญในบทบาทใด” และ “ใครจะเป็นผู้กำหนดบทบาทนั้น”
จุดพลิกผันเชิงยุทธศาสตร์: เมื่อมะละกาเริ่มแออัด และไทยกลายเป็นทางเลือกใหม่
ช่องแคบมะละกา ซึ่งเคยเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่สุดของการค้าโลก กำลังเผชิญแรงกดดันรอบด้าน ทั้งจากความแออัดมหาศาล ความเสี่ยงจากโจรสลัด ความเปราะบางด้านความมั่นคง และการแข่งขันทางทหารของมหาอำนาจ รายงานของ CSIS และ RAND Corporation ตรงกันว่า มะละกากำลังเข้าใกล้ “ขีดจำกัดเชิงยุทธศาสตร์” มากขึ้นทุกปี
ในจังหวะเดียวกัน ประเทศไทยกลับตั้งอยู่บนตำแหน่งภูมิศาสตร์ที่แทบไม่มีประเทศใดเทียบได้ นั่นคือการมีทะเลสองฝั่ง—ฝั่งอ่าวไทยที่เปิดสู่ทะเลจีนใต้และมหาสมุทรแปซิฟิก และฝั่งทะเลอันดามันที่เชื่อมตรงสู่มหาสมุทรอินเดีย ตำแหน่งนี้ทำให้ไทยมีศักยภาพพิเศษในการเป็น “ประตูยุทธศาสตร์ใหม่” ที่สามารถลดการพึ่งพาช่องแคบมะละกาได้ในอนาคต
การผลักดันโครงการขนาดใหญ่ภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็น โครงการ Land Bridge ภาคใต้ การพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทั้งสองฝั่งทะเล และการยกระดับฐานทัพเรือในหลายพื้นที่ ล้วนถูกจับตามองจากมหาอำนาจในฐานะ “โครงสร้างพื้นฐานสองนัย” คือรองรับทั้งเศรษฐกิจ และความมั่นคงทางทะเลไปพร้อมกัน
นักยุทธศาสตร์ระดับโลกบางรายถึงกับให้คำจำกัดความว่า
“ผู้ใดควบคุมจุดยุทธศาสตร์ในไทยได้ ผู้นั้นย่อมควบคุมเส้นเลือดใหม่ของเอเชีย”
การเดินหมากของสหรัฐฯ: เส้นโค้งเงียบแห่งการปิดล้อม
การกลับมาของสหรัฐอเมริกาในประเทศไทย มิได้มาในรูปแบบของฐานทัพถาวรหรือการแสดงแสนยานุภาพ หากแต่เป็นยุทธศาสตร์แบบ “ไร้เสียงแต่หนักแน่น” หรือที่นักวิเคราะห์เรียกว่า Silent Arc—แนวโค้งการป้องปรามที่เชื่อมโยงจากญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ลงสู่อ่าวไทย และทอดต่อไปยังมหาสมุทรอินเดีย
รายงาน Pacific Deterrent Initiative (PDI) ปี 2024–2025 ระบุชัดว่าสหรัฐฯ ต้องการเสริมโครงข่ายป้องกันจีนในทะเลจีนใต้และทะเลอันดามัน โดยประเทศไทยคือหนึ่งใน “พื้นที่ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงทางทะเล” ที่ถูกจัดวางไว้ในแผนโดยตรง แม้จะไม่ระบุสถานะเป็นฐานทัพ แต่กลับมีนัยสำคัญในเชิงโครงสร้างการป้องปราม
ความร่วมมือไทย–สหรัฐฯ จึงถูกขยายผ่านการฝึก Cobra Gold ที่เพิ่มมิติทางทะเลอย่างเด่นชัด การแลกเปลี่ยนข่าวกรอง การใช้ท่าเทียบเรือ และการสนับสนุนเทคโนโลยีระบบเรดาร์และการเฝ้าระวังทางทะเล ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนว่า สหรัฐฯ มองอ่าวไทยเป็นจุดติดตั้งระบบตรวจการณ์ที่ปลอดภัยกว่าฟิลิปปินส์และเวียดนามในบางตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม เกมของสหรัฐฯ ต้อง “เดินอย่างเงียบ” เพราะการแสดงออกที่ชัดเจนเกินไป ย่อมเชื้อเชิญการตอบโต้จากจีนอย่างรุนแรง และเสี่ยงต่อการดึงไทยเข้าสู่การเลือกข้างโดยไม่จำเป็น
จีนกับเส้นทางสายไหมทางทะเล: การวางรากฐานอย่างเงียบขรึมแต่ลึกถึงโครงกระดูก
ในฝั่งตรงข้ามของกระดานหมาก จีนมิได้รอให้สหรัฐฯ สร้างสมดุลเสร็จสิ้น หากแต่ขยับอย่างเป็นระบบ เน้นการลงทุนทางเศรษฐกิจที่แฝงโครงสร้างความมั่นคงในระยะยาว เป้าหมายสำคัญเพียงหนึ่งเดียวคือ “การลดการพึ่งพาช่องแคบมะละกา”
การลงทุนในท่าเรือแหลมฉบัง มาบตาพุด ระบบโลจิสติกส์ รถไฟจีน–ลาว–ไทย การศึกษาสภาพพื้นทะเลเพื่อวางสายเคเบิลใต้น้ำ และการจับตาโครงการ Land Bridge ล้วนเป็นชิ้นส่วนของยุทธศาสตร์ใหญ่ในการสร้าง “ทางออกสู่ทะเลอันดามันโดยไม่ผ่านมะละกา”
สำหรับจีน หาก Land Bridge เกิดขึ้นจริง เส้นทางผ่านไทยจะกลายเป็น “ทางลัดยุทธศาสตร์” ที่สามารถเชื่อมทะเลจีนใต้กับมหาสมุทรอินเดียได้โดยตรง ลดความเสี่ยงจากการถูกปิดล้อมทางทะเลโดยสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ
สถาบัน ISEAS สิงคโปร์ ระบุชัดว่า จีนต้องการประเทศไทยในฐานะ “Gateway สู่สมรภูมิอินเดีย” และหากเส้นทางนี้เปิดใช้อย่างสมบูรณ์ ดุลอำนาจในอินโด–แปซิฟิกจะเปลี่ยนแปลงทันที
ญี่ปุ่น: ผู้คุมสมดุลที่กลับมาอย่างแนบเนียน
ท่ามกลางการประชันกันของสองมหาอำนาจ ญี่ปุ่นกลับเลือกบทบาทที่แตกต่าง นั่นคือบทบาทของ “ผู้คานงัด” หรือ Balancer ญี่ปุ่นไม่เร่ง ไม่กดดัน และไม่แสดงอำนาจทางทหารอย่างเปิดเผย หากแต่ใช้ความไว้วางใจเป็นสะพานเชื่อมอิทธิพล
การลงทุนในท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 การสนับสนุนผ่าน JICA ระบบโลจิสติกส์ เทคโนโลยีโดรน และระบบตรวจการณ์ทางทะเล ล้วนเป็นโครงสร้างที่สามารถแปลงสภาพเป็นระบบสนับสนุนทางทหารได้ทันทีหากสถานการณ์บีบคั้น
ญี่ปุ่นมีแรงผลักดันสำคัญคือความมั่นคงด้านพลังงาน น้ำมันกว่าร้อยละ 40 ต้องผ่านเส้นทางใกล้พื้นที่ขัดแย้ง หากเส้นทางนี้ถูกควบคุมโดยฝ่ายที่ไม่เป็นมิตร ความมั่นคงของญี่ปุ่นย่อมสั่นคลอนโดยตรง
การกลับมาของญี่ปุ่นในไทยจึงไม่ใช่การรุก แต่คือการ “รักษาพื้นที่สมดุล” ไม่ให้ใครผูกขาดได้โดยลำพัง
อินเดีย: การขยายปีกจากอันดามันสู่ประตูอาเซียน
อินเดียคือผู้เล่นที่เข้าเกมช้ากว่าคนอื่น แต่ขยับรวดเร็วที่สุดในช่วงหลัง ด้วยฐานกำลังหลักที่หมู่เกาะอันดามัน–นิโคบาร์ อินเดียได้เสริมกำลังเรือรบ ระบบเรดาร์ และข่าวกรองอย่างต่อเนื่อง พร้อมระบุประเทศไทยเป็น “พันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ด้านทะเล”
อินเดียมองว่า หากจีนสามารถใช้เส้นทางผ่านไทยสู่ทะเลอันดามันได้ อินเดียจะเสียความได้เปรียบในมหาสมุทรอินเดียทันที อินเดียจึงต้องสร้าง “แนวป้องกันลึก” เชื่อมโยงจากอันดามันเข้าสู่ไทย และอาเซียน
โครงการ Land Bridge ยังเปิดโอกาสให้อินเดียขนส่งสินค้าสู่ยุโรปได้เร็วยิ่งขึ้น อินเดียจึงเป็นหนึ่งในประเทศที่แสดงความสนใจเชิงบวกต่อโครงการนี้ตั้งแต่ระยะต้น
สู่ทางแยกแห่งประวัติศาสตร์: ไทยจะเป็น “สนาม” หรือ “ผู้กำหนดกติกา”
เมื่อสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และอินเดีย ต่างพุ่งเป้าเข้าหาประเทศไทยจากทุกทิศ สมรภูมิใหม่จึงไม่ได้อยู่ในทะเลจีนใต้เพียงแห่งเดียวอีกต่อไป หากแต่เคลื่อนเข้ามาใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไทยมากกว่าที่เคยเป็นมา
ประเทศไทยกำลังเผชิญคำถามเชิงยุทธศาสตร์ที่หนักหนาที่สุดในรอบหลายทศวรรษ—จะปล่อยตนเองเป็นเพียง “พื้นที่รองรับเกมของมหาอำนาจ” หรือจะลุกขึ้นเป็น “ผู้กำหนดเงื่อนไขของเกม”
ในโลกยุคใหม่ “ความเป็นกลาง” มิได้หมายถึงการอยู่นิ่ง หากแต่หมายถึงการสร้างกติกาที่ทุกฝ่ายต้องเคารพเมื่อก้าวเข้ามาในพื้นที่ของเรา และวันนี้ ประเทศไทยมีศักยภาพพอจะสร้างกติกานั้นได้จริงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ภูมิรัฐศาสตร์ทางทะเลของชาติ
แหล่งอ้างอิง
- Baker School. (2025). Thailand's Land Bridge project could bypass the PRC's Malacca dilemma. What are the Policy Implications for the United States?
- ISEAS – Yusof Ishak Institute. (2025). Thailand's Land Bridge: Navigating Geopolitical and Investor Concerns.
- East Asia Forum. (2025). Japan's rearmament reshapes security in Southeast Asia.
- Eurasia Review. (2025). Anchoring The Indo–Pacific: How India's Andaman Transhipment Hub Redefines Supply Chain Sovereignty – Analysis.
- ResearchGate. (2025). Thailand road bridge: impact of marine traffic in straits of malacca.
