Travel Sport & Entertain
กลุ่มบ.พราว-พันธมิตรมอบอาคารเรียน 'ชาญวีรกูล-74'ให้รร.ตชด.บ้านเขาจ้าว
ประจวบคีรีขันธ์-กลุ่มบริษัทพราว ร่วมกับ บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และพันธมิตร เดินหน้าสานต่อพันธกิจด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตและโอกาสทางการศึกษาของเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล ผ่านการส่งมอบ อาคารเรียนชาญวีรกูล หลังที่ 74 พร้อมพื้นที่ส่งเสริมการเรียนรู้และการออกกำลังกาย ได้แก่ สนามเด็กเล่น สนามฟุตบอลเอนกประสงค์ สนามกีฬาเอนกประสงค์ และโรงปลูกผักปลอดสารพิษและปุ๋ยอินทรีย์ช่วยชุมชน ให้แก่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านเขาจ้าว อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

การพัฒนาในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ“PAPPLE Series Hua Hin 25” ซึ่งเกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและกลุ่มนักกีฬากอล์ฟอาชีพ โดยกลุ่มบริษัทพราวได้ร่วมกับผู้สนับสนุนจัดการแข่งขันกอล์ฟการกุศล “PAPPLE Series Hua Hin 25” ที่รวบรวมสุดยอดโปรกอล์ฟทั้งในและต่างประเทศกว่า 20 คน รวมถึงโปร LPGA และโปรกอล์ฟชั้นนำของไทย อาทิ โปรโม โปรเม โปรอาร์ม โปรแหวน โปรข้าวกล้อง พร้อมนักธุรกิจชั้นนำจากหลากหลายวงการมาร่วมดวลวงสวิงและประมูลของที่ระลึกจากโปรกอล์ฟ โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายได้นำไปใช้ในการสร้างและพัฒนาพื้นที่การเรียนรู้กลางแจ้งภายในโรงเรียน เพื่อเสริมทักษะชีวิต สุขภาพ และการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ของนักเรียน โดยพิธีส่งมอบได้รับเกียรติจาก คุณพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทพราว และพราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย คุณเศรณี ชาญวีรกูล ที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นประธานในพิธี พร้อมเยี่ยมชมอาคารเรียนและพื้นที่กิจกรรมที่ได้รับการพัฒนาเสร็จสมบูรณ์

คุณพสุ ลิปตพัลลภ กล่าวว่า “กลุ่มบริษัทพราวเชื่อว่า ‘พื้นที่ที่ดี’ สามารถสร้าง ‘โอกาสที่ดี’ ให้กับเยาวชน การมีสนามกีฬาและแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนจะช่วยปลูกฝังทักษะชีวิต ความคิดสร้างสรรค์ และความกล้าคิดกล้าทดลอง ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต เรารู้สึกยินดีที่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างโอกาสนี้ให้กับเด็ก ๆ ในพื้นที่ และหวังว่าพื้นที่ PAPPLE Project จะเป็นแรงบันดาลใจให้เด็ก ๆ ได้ค้นพบศักยภาพของตัวเอง”
ด้านคุณเศรณี ชาญวีรกูล กล่าวเพิ่มเติมว่า “อาคารเรียนชาญวีรกูลเกิดขึ้นจากความตั้งใจที่จะลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา และทำให้เด็กในพื้นที่ห่างไกลได้รับโอกาสไม่ต่างจากเด็กในเมืองใหญ่ เราเชื่อว่าการลงทุนด้านการศึกษา คือการลงทุนที่สร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนที่สุดให้กับประเทศ หวังว่าสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของความฝันและอนาคตที่ดีของเยาวชนทุกคน”
กิจกรรมครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนที่มีเป้าหมายร่วมกันในการขับเคลื่อนสังคมอย่างเป็นรูปธรรม ไม่เพียงสร้างอาคารเรียนหรือสนามกีฬาเท่านั้น แต่ยังสร้าง “พื้นที่แห่งโอกาส” ให้เยาวชนได้เติบโตบนพื้นฐานของสุขภาพที่ดี ความรู้ และทักษะชีวิตที่จำเป็น การส่งมอบในครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงโครงการ CSR รายครั้ง แต่เป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ในการยกระดับชุมชนและสังคมไทยอย่างยั่งยืน.
พิมพร อยู่รุ่ง/ประจวบคีรีขันธ์
