GLOBAL C
ปธ.IDIOชี้ควรหนุน'ชาเขียวจีน'ยกระดับ คุณภาพ-ขยายบทบาทในเวทีโลกที่ยั่งยืน
ปักกิ่ง, 23 ธ.ค. (ซินหัว) - หลี่ซื่อเอิน ประธานองค์กรข้อมูลเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ (IDIO) กล่าวว่า ควรเผยแพร่ชาเขียวของจีนในระดับโลกด้วยคุณภาพที่เหนือกว่า ความหมายเชิงวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และแนวทางที่ยั่งยืนมากขึ้น โดยยึดถือจิตวิญญาณที่องค์การสหประชาชาติส่งเสริมผ่านวันชาสากล (International Tea Day) ซึ่งมุ่งสู่งการปรับโครงสร้างมูลค่าของอุตสาหกรรมชาทั่วโลก
หลี่กล่าวถ้อยแถลงดังกล่าว ในการประชุมสมัชชาชาเขียวโลกประจำปี 2025 (2025 Global Green Tea Congress) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ โดยสำนักงานบริการข้อมูลข่าวสารเศรษฐกิจจีน (CEIS) ของสำนักข่าวซินหัว และสมาคมวิจัยและส่งเสริมอารยธรรมนิเวศวิทยาแห่งมณฑลเจียงซี (Jiangxi Ecological Civilization Research and Promotion Association) ณ อำเภออู้หยวน มณฑลเจียงซีทางตะวันออกของจีน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเวทีการเจรจาระดับสูงที่การพัฒนาอย่างสอดประสานกัน และร่วมกันรับมือกับความท้าทายของอุตสาหกรรมชาเขียวร่วมกันทั่วโลก
หลี่ระบุว่า นับตั้งแต่องค์การสหประชาชาติกำหนดให้มีวันชาสากลเมื่อปี 2019 มีการมอบภารกิจสำคัญให้ “ชา” ในการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนและความเข้าใจอันดีระหว่างประเทศ และการประชุมในครั้งนี้ถือเป็นการสานต่อภารกิจดังกล่าว
หลี่เชื่อว่า จิตวิญญาณแห่ง "ความบริสุทธิ์ ความเคารพ ความกลมกลืน และความงาม" (purity, respect, harmony, and beauty) ที่สะท้อนผ่านชาเขียว มีความสอดคล้องอย่างยิ่งกับแนวคิดเรื่องการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพและเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
หลี่กล่าวว่า ในปี 2024 ผลผลิตชาเขียวของจีนมีปริมาณเกินกว่า 2.06 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 2.03 แสนล้านหยวน (ราว 9.01 แสนล้านบาท) และครองสัดส่วนราวร้อยละ 60 ของผลผลิตชาทั่วจีน ขณะที่การบริโภคในตลาดภายในประเทศมีปริมาณเกินกว่า 1.3 ล้านตัน และยอดจำหน่ายสูงถึง 1.95 แสนล้านหยวน (ราว 8.65 แสนล้านบาท) แสดงถึงศักยภาพการยกระดับของอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง
หลี่ชี้ว่า ชาเขียวของจีนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในตลาดต่างประเทศ พร้อมเสริมว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 การส่งออกชาเขียวคิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 87.9 ของปริมาณการส่งออกชารวมทั้งหมดของจีนครอบคลุมตลาดตั้งแต่แอฟริกาเหนือและเอเชียกลาง ไปจนถึงยุโรป อเมริกาเหนือ และเอเชียตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลิตภัณฑ์แปรรูปขั้นสูง เช่น มัตจะ กำลังผสานวัฒนธรรมชาจีนเข้าสู่ระดับสากลด้วยรูปแบบที่ทันสมัย
อย่างไรก็ตาม หลี่ยังกล่าวว่า การส่งออกชาเขียวของจีนในปัจจุบันยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบวัตถุดิบเป็นหลัก ซึ่งมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนในการเพิ่มมูลค่าเพิ่มของแบรนด์ รวมถึงการขยายโครงสร้างตลาดต่างประเทศให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน ความต้องการของตลาดโลกในด้านคุณภาพ ความปลอดภัย การตรวจสอบย้อนกลับ และการผลิตอย่างยั่งยืนนั้นก็เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมให้มีมาตรฐานเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นดิจิทัล จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
หลี่กล่าวว่า กว่าร้อยละ 70 ของเครื่องดื่มชาสมัยใหม่ (new tea drinks) ในจีนมีพื้นฐานมาจากชาเขียว และคนรุ่นใหม่กำลังตีความวัฒนธรรมชาผ่านมุมมองของตนเอง การผงาดขึ้นของสุนทรียศาสตร์ตะวันออกและแนวคิดเรื่องสุขภาพจากธรรมชาติ ได้สร้างโอกาสให้เกิดความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม เพื่อนำเสนอคุณค่าของชาเขียวจีนสู่โลกภายนอก
หลี่เสนอให้ใช้ชาเป็นสื่อกลางในการส่งเสริมการเจรจาระหว่างประเทศ ความร่วมมือทางอุตสาหกรรม และการแบ่งปันทางวัฒนธรรม พร้อมทั้งถ่ายทอดคุณค่าอันเป็นสากลในเรื่องความกลมกลืน การเปิดรับความแตกต่าง และการพัฒนาที่ยั่งยืน
(เรียบเรียงโดย Gu Shanshan, Xinhua Silk Road, https://www.xinhuathai.com/silkroad/549358_20251223 , https://en.imsilkroad.com/p/348903.html)
