POLITICS

เปิดใจ!นายกชายอดีตเลขาฯประชาธิปัตย์ ต่อเส้นทางและทิศทางการเมือง



สงขลา-เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.68 เวลา 14.00 น. นายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเวทีพบปะสื่อมวลชน จ.สงขลา เพื่อแถลงความในใจ แคมเปญ เปิดใจฟัง ที่ผมคิด ที่ผมพูด และ ดูสิ่งที่ผมทำ กล่าวถึงเหตุการณ์น้ำท่วม ตนเองขอแสดงความเสียใจกับพี่น้องผู้ประสบภัยน้ำท่วมหาดใหญ่  ถ้านายกรัฐมนตรีมีความสามารถพี่น้องผมจะไม่ตายมากขนาดนี้ เนื่องจากว่าทั้งที่มีอำนาจในเรื่อง การจัดการ อยู่เต็มที่ แต่ยังตัดสินใจ ด้วยเหตุผลที่เอาการเมืองมาเกี่ยวข้อง 

ภูมิหลังตนเอง พ่อแม่เป็นคน จ.สงขลา และ จ.พัทลุง เกิดที่ อ.รัตภูมิ เรียนจบที่สงขลา จบปริญญาตรี 2 ใบจากรามคำแหง และปริญญาโท nida และ กำลัง จบ ปริญญา โท สาขาการจัดการสิ่งแวดล้อม จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

เส้นทางการเมือง เริ่มต้นจากการเป็น สจ.ตั้งแต่สมัยที่เริ่มมีการกระจายอำนาจ ซึ่งในขณะนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัด จะเป็นนายก อบจ. โดยตำแหน่ง และต่อมา นายก อบจ. มาจากโหวตจากสภา ก็ได้รับเลือกเป็นนายก อบจ สงขลา 2 สมัย เป็นประธานสมาพันธ์ อบจ ภาคใต้ ตั้งแต่อายุ 32 ปี เป็นนายก อบจ ที่ไม่เกิดเรื่องด่างพร้อย ข้าราชการไม่ติดคุก แต่หลังจากที่ตนออกจากการเป็น นายก อบจ.คนที่เป็นต่อ มีคดีความทำให้ติดคุก มีเรื่องเสื่อมเสียมากมาย ข้าราชการติดคุกหลายคน นี่คือเรื่องจริง

ชีวิตการเมืองระดับประเทศ  ปี 47-48 เสนอตัวลง ส.ส. พรรค ปชป มีการคัดเลือกส่งตัวแทนผู้ลงสมัคร โดยใช้โพลพรรค มีการกีดกันตนเองทุกทาง โดยไม่ทำโพล จึงต้องไปลงไทยรักไทย ได้คะแนนเสียง  33,039 คะแนนเป็นที่ 2 ต่อมาสมัยนายอภิสิทธิ์ เป็น หน.พรรค มีตำแหน่ง ส.ส.สงขลาว่าง ตนเองยังอยากอยู่ ปชป ผมจึงพบคุณอภิสิทธิ์ ก็มีการทำโพล และตนเองชนะ ได้ถูกส่งในนามพรรคการหาเสียง ไม่ใช้เงินพรรค ได้คะแนนเสียง 55,000 คะแนน มากสุดในภาคใต้ และ ปชป สงขลา ได้ 3 คน 

ต่อมา คกก.บรืหารชุดนายอภิสิทธิ์ลาออก  มีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่ เลขาเฉลิมชัยและคนอื่นๆ ก็สนับสนุนให้ตนเองสมัครเป็นรองหัวหน้าพรรคดูแลภาคใต้ ซึ่งมีการมาขอให้ถอนตัวด้วยเห็นว่าผมอาวุโสน้อย แต่ในที่สุดผลการเลือกตั้ง ตนเองชนะขาดลอยผลงานในฐานะรองฯภาคใต้ ดูแลการเลือกตั้งซ่อม ปรากฏว่า เราชนะทั้ง 2 เขตที่เลือกตั้งซ่อม และในการเลือกตั้ง ปี 66 ปชปได้ 17 ที่นั่ง ภายใต้การทำงานที่ตนเป็นรองฯ ดูแลภาคใต้ 

ต่อมามีการเลือก คกก.บ ชุดใหม่ มีความไม่ชอบมาพากล โดยมีการล้มการประชุม 2 ครั้ง สุดท้ายตนเองรับเลือกเป็นเลขาธิการพรรค และสมัยที่เป็นเลขาฯ  มี สมช.พรรคเพิ่มอย่างเห็นได้ชัด เรื่องการเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย พรรคมีแนวทางที่ชัดเจน คือจะใช้มติพรรคเสมอ ทุกอย่างก็เป็นไปตาม มติพรรค เหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมด มีคนพยายามโจมตี กล่าวหาว่า ว่าตนเองทำให้พรรคตกต่ำ ตนทำงานแล้วชัดเจนว่าพรรคดีขึ้น และทุกอย่าง อยู่ในกติกา ทำตามมติพรรคตลอด จึงอยากถามทำให้พรรคตกต่ำตรงไหน

ผลงานตอนเป็น รมช.สธ. มีการร้องทุกข์ว่า รพ. สร้างไม่เสร็จจำนวนมาก ตนเองทำให้ได้สร้างต่อได้หมด มีการขยาย รพ ที่สงขลา 4 มุมเมือง สิงหนคร สะเดา รัตภูมิ หาดใหญ่ ตอนเป็น มท.3 ตนเอวประกาศ ที่ดินหลวงต้องเป็นของหลวง ที่ดินราษฎรต้องเป็นของราษฎร และเจอกรณีที่ดินเขากระโดงที่ผู้มีอิทธิพลมาบุกรุก ดำเนินการเรื่องนี้ เพื่อเอาที่หลวงคืน แต่เรื่องสะดุด เมื่อผมพ้นวาระ เรื่อง ที่ดินราษฎรใช้ประโยชน์ทำให้ถูกต้องให้ส่งมอบให้รุ่นลูกหลานได้ เรื่องกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น แก้ไขอำนาจหน้าที่ให้ทำงานได้ และมีเรื่อง มีงบกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ปรากฏว่า มีการจัดสรรโดยหวังผลทางการเมือง จัดสรรไม่เป็นธรรม ต่อมาเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองหลายๆ เรื่องจึงทำไม่จบ

ทั้งนี้ตนเองขอหยุดบทบาททางการเมือง เหตุผลคือการเมืองบิดเบี้ยว ได้เกิดขึ้นหลายอย่างในช่วงนี้ เช่น ฮุนเซนล้มรัฐบาลได้ ความไม่ชอบมาพากลในศาล รธน.พรรคประชาชน มีเสียงข้างมากแต่ไปยกมือให้ภมูิใจไทย ที่มีเสียงข้างน้อย การฮั้ว สว ที่จะส่งผล ร้ายแรงต่อการตั้งองค์กรอิสระ ถ้าสว ทำงานไม่โปร่งใส การซื้อตัว ส.ส. เพื่อให้เกิดการย้ายพรรค และมีการออกข่าวโจมตีตนเอง สร้างความแตกแยก ตนจึงขอหยุด ไม่ลงสมัครเลือกตั้ง ไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด เพื่อประกาศให้คนไทยเห็นว่าผมไม่เห็นด้วยกับระบบการเมืองบิดเบี้ยวในขณะนี้

ซัมซูดิง/รายงาน