TECH & AI
ดีป้าชี้ผลประเมินแผนแม่บทฯในครึ่งเทอม ถึงเวลาปรับทิศทางรับการเปลี่ยนแปลง
กรุงเทพฯ-วันที่ 25 ธันวาคม 2568, กรุงเทพมหานคร – ดีป้า เผยผลการประเมินความก้าวหน้าการขับเคลื่อนแผนแม่บทการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ระยะที่ 2 ช่วงกึ่งกลางแผนที่ดำเนินการร่วมกับ มูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง ระบุแม้การดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกได้วางรากฐานที่สำคัญไว้แล้ว แต่ถึงเวลาที่ต้องเร่งประเมินและปรับกลยุทธ์เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีดิจิทัลที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
นางสาวกษมา กองสมัคร รักษาการรองผู้อำนวยการใหญ่ กลุ่มงานยุทธศาสตร์และความมั่นคง สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า ผลการประเมินความก้าวหน้าการขับเคลื่อนแผนแม่บทการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 – 2570) ในช่วงกึ่งกลางแผนที่ดำเนินการร่วมกับมูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง ได้ยืนยันถึงความจำเป็นที่ต้องมีการปรับปรุงแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลให้สามารถบรรลุเป้าหมายได้ โดยเฉพาะในเชิงคุณภาพ ท่ามกลางยุคที่เทคโนโลยีถูกพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยได้เสนอแนะทิศทางการขับเคลื่อนตาม 4 ยุทธศาสตร์สำคัญ ดังนี้
ยุทธศาสตร์ที่ 1: การสร้างกำลังคนดิจิทัลคุณภาพ
การขับเคลื่อนด้านกำลังคนบรรลุเป้าหมายเชิงจำนวนผ่านการพัฒนาและยกระดับทักษะดิจิทัลให้กับประชาชนในวงกว้าง แต่เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีดิจิทัล ดีป้า ในฐานะหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนแผนแม่บทฯ จึงได้ปรับทิศทางเชิงรุก โดยมุ่งเน้นการสร้างและพัฒนากำลังคนด้านดิจิทัลระดับ Professional โดยเฉพาะสาขา AI ที่มีคุณภาพสูง ตลอดจนแนวทางการพัฒนาระบบติดตามผลด้านคุณภาพแรงงาน พร้อมชี้ข้อเสนอแนะว่า ประเทศไทยควรเพิ่มกลไกด้านภาษี โดยเฉพาะในภาคประชาชน เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกิด
การยกระดับทักษะในทุกระดับพร้อมกันนี้ยังจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการส่งเสริมกลุ่มผู้สูงอายุที่มีทักษะให้เกิดการจ้างงานต่อเนื่อง และมีการ Upskill, Reskill และ New Skill เพื่อให้กลุ่มผู้สูงอายุและแรงงานในกลุ่มอาชีพอิสระอื่น ๆ สามารถกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานใหม่
ยุทธศาสตร์ที่ 2: การเปลี่ยนเศรษฐกิจดั้งเดิมสู่เศรษฐกิจดิจิทัลมูลค่าสูง
ยุทธศาสตร์นี้มุ่งเน้นการสนับสนุน SMEs เกษตรกร และชุมชนให้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ทั้งนี้ ภาครัฐจำเป็นต้องเร่งขับเคลื่อน Digital Transformation ในวงกว้างผ่านกลไกทางภาษี และส่งเสริมกลุ่มดิจิทัลสตาร์ทอัป มุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนา Deep Tech สัญชาติไทย ควบคู่กับการจูงใจให้เกิดการจดสิทธิบัตรและจำเป็นต้องเร่งส่งเสริมอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ให้กลายเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ โดยการผลักดัน (ร่าง) พ.ร.บ.ส่งเสริมอุตสาหกรรมเกม พ.ศ. …. เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมเกมและสาขาอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องสร้างอาชีพสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรมอีกทั้งเป็นแหล่งจัดเก็บภาษีใหม่ของภาครัฐ ตลอดจนการสนับสนุนแพลตฟอร์มดิจิทัลสัญชาติไทย เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงตลาด และแหล่งเงินทุน เพื่อเพิ่มขีดวามสามารถทางการแข่งขันกับแพลตฟอร์มข้ามชาติซึ่งนับเป็นอีกกลไกสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศได้
ยุทธศาสตร์ที่ 3: การสร้างโอกาสใหม่ กระจายความเจริญอย่างเท่าเทียม
การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ยังคงเป็นความท้าทายสำคัญที่ต้องเร่งสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน โดยการพัฒนาเมืองยังจำเป็นต้องใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่ในการจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสมและตอบโจทย์ศักยภาพแต่ละพื้นที่มากขึ้น รวมถึงการเปิดโอกาสความร่วมมือผ่านรูปแบบ Public-Private Partnership (PPP) เพื่อดึงศักยภาพของภาคเอกชนมาร่วมพัฒนาระบบบริการดิจิทัลในเมืองควบคู่ไปกับภาครัฐที่สามารถนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการเป็นหนึ่งในเมืองอัจฉริยะน่าอยู่ของโลก นอกจากนี้ ด้านการเข้าถึงเทคโนโลยี โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม จำเป็นต้องเร่งขับเคลื่อนผ่านการสร้าง Use Case เพื่อให้ผู้ประกอบการเกิดความตระหนักและเห็นถึงความสำคัญของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในธุรกิจของตนเองอย่างเป็นรูปธรรมและดำเนินการเสริมสร้าง Digital Literacy ให้ประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าถึงบริการดิจิทัลและโอกาสทางเศรษฐกิจได้อย่างเท่าเทียมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ
ยุทธศาสตร์ที่ 4: การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
ความก้าวหน้าในการวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ผ่านมา ดีป้า ผลักดันเพื่อให้เกิดการจัดตั้งสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI และ บริษัท วิสัย เอไอ จำกัด (VISAI) เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ของไทย ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานอื่น อาทิ โดรน IoT ฯลฯ เพื่อส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากดิจิทัลเพื่อการพัฒนาแบบองค์รวม นอกจากนี้ ดีป้า ยังร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรพัฒนามาตรการและกลไกต่างๆ กระตุ้นการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งทางภาษี และที่มิใช่ภาษี อาทิ การพัฒนาศูนย์วิเคราะห์ทดสอบด้าน IoT ที่ได้มาตรฐาน การพัฒนา 5G Sandbox ฯลฯ เพื่อดึงดูดการลงทุนด้านดิจิทัลให้เพิ่มสูงขึ้นแต่การขับเคลื่อนยังต้องเพิ่มกลไกสำคัญเพื่อสนับสนุนนวัตกรรม รัฐบาลจำเป็นต้องวางโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการสร้างระบบนิเวศที่ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนและถ่ายทอดเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยยกระดับขีดความสามารถด้านดิจิทัลของประเทศโดยภาพรวม
“จากการประเมินผลการขับเคลื่อนแผนแม่บทฯ ระยะที่ 2 ได้นำไปสู่การปรับปรุงกลไกการทำงาน เพื่อให้การขับเคลื่อนบรรลุเป้าหมายทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ และเป็นข้อมูลสำคัญในการพัฒนา (ร่าง) แผนแม่บทการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ระยะที่ 3 พ.ศ. .... ที่มีเป้าหมายอย่างชัดเจนในการพลิกบทบาทประเทศไทย จากการเป็นผู้ใช้งาน (User) ให้ก้าวไปสู่การเป็นผู้สร้างสรรค์และผู้พัฒนาทางเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Technology Creator/Developer) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในระดับสากล พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีดิจิทัลที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและทันท่วงที” รักษาการรองผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว

