BANGKOK
กทม.ขอบคุณนครนายกลดการเผาได้ผล ชะลอฝุ่นPM2.5เข้าเมืองกรุงฯ
กรุงเทพฯ-กทม. ขอบคุณนครนายกลดการเผาได้ผล ชะลอฝุ่น PM2.5 เข้ากรุงฯ ช่วงอากาศปิด ย้ำความร่วมมือข้ามจังหวัดคือกุญแจสำคัญ
(29 ธ.ค. 68) นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานครได้ติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศอย่างใกล้ชิด พบว่าในช่วงวันที่ 30 ธันวาคม 2568 ถึงวันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นช่วงที่สภาพอุตุนิยมวิทยาเอื้อต่อการสะสมของฝุ่นละออง PM2.5 โดยมีลักษณะอากาศปิด อัตราการระบายอากาศต่ำ (Ventilation Rate) และความเร็วลมอ่อน โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืนถึงช่วงเช้า ส่งผลให้ฝุ่นละอองสามารถสะสมได้ง่าย แม้ปริมาณแหล่งกำเนิดในพื้นที่จะไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

กรุงเทพมหานครขอขอบคุณจังหวัดนครนายก ที่ให้ความร่วมมือในการควบคุมและลดการเผาในพื้นที่อย่างจริงจัง โดยจากข้อมูลล่าสุดพบว่า เดือนธันวาคม ปี 2568 จังหวัดนครนายกมีจุดเผาเพียง 12 จุด ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนจำนวน 45 จุด คิดเป็นการลดลงร้อยละ 78.95 ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการบริหารจัดการเชิงป้องกันในพื้นที่ต้นลม
ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า หากพิจารณาจากปัจจัยด้านอุตุนิยมวิทยาเพียงอย่างเดียว สถานการณ์ฝุ่นในช่วงดังกล่าวมีแนวโน้มรุนแรงกว่าค่าที่ตรวจวัดได้จริง แต่การลดจุดเผาในจังหวัดต้นลม โดยเฉพาะจังหวัดนครนายก ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญ ได้ช่วยชะลอการเพิ่มขึ้นของฝุ่นละอองในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลได้อย่างเป็นรูปธรรม
ขณะเดียวกัน จากการติดตามข้อมูลจุดความร้อนจากแพลตฟอร์ม tamfire.net พบว่ายังมีรายงานจุดเผาในบริเวณอำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำและมีสภาพภูมิประเทศต่อเนื่องกับอำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก และอยู่ในแนวทิศทางลมเดียวกัน ลักษณะภูมิประเทศดังกล่าวเอื้อต่อการเคลื่อนตัวและการสะสมของฝุ่นละอองในพื้นที่ตอนล่างของลุ่มน้ำ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อจังหวัดท้ายลม รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑลได้ ทั้งนี้ แม้ว่าบางจังหวัดจะสามารถควบคุมการเผาได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว แต่หากยังคงมีการเผาในพื้นที่ใกล้เคียงที่อยู่ในระบบลุ่มน้ำและทิศทางลมเดียวกัน ก็อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศในภาพรวม จึงเน้นย้ำถึงความจำเป็นของการบริหารจัดการการเผาแบบบูรณาการเชิงพื้นที่ อาศัยความร่วมมือของทุกจังหวัดในพื้นที่ต้นลม กลางลม และท้ายลม เพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่น PM2.5 ในช่วงจังหวะเวลาที่มีความเสี่ยงสูง
ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “การที่เราทำโครงการนักสืบฝุ่นมา 3 ปี ทำให้เราเข้าใจ DNA ฝุ่น ว่าฝุ่นในแต่ละวันมาจากแหล่งใด จากพื้นที่ใด ทำให้สามารถออกมาตรการแบบมุ่งเป้าในการแก้ปัญหาได้ตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นแหล่งในกรุงเทพฯ หรือนอกกรุงเทพฯ ด้วยเหตุนี้ ภาพรวมสถานการณ์ฝุ่นในเดือนธันวาคมปีนี้จึงนับว่าดีกว่าปีก่อน ๆ และเป้าหมายถัดไปคือการดูแลสถานการณ์ในเดือนมกราคมให้ได้ดีที่สุด”
ในส่วนของกรุงเทพมหานคร ได้เตรียมพร้อมและดำเนินมาตรการรับมือสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง อาทิ การยกระดับเขตมลพิษต่ำ (Low Emission Zone: LEZ) ครอบคลุมทั้ง 50 เขต เพื่อจำกัดรถบรรทุกขนาดใหญ่เมื่อสถานการณ์เข้าข่ายวิกฤต มาตรการ Green List และ Green List Plus ส่งเสริมให้รถยนต์ได้รับการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ตามมาตรฐาน ปัจจุบันมีรถเข้าร่วมแล้วหลายหมื่นคัน การบังคับใช้มาตรฐานควันดำใหม่ ไม่เกินร้อยละ 20 พร้อมการตรวจเข้มรถบรรทุก รถโดยสาร และรถในไซต์ก่อสร้าง ระบบแจ้งเตือนและพยากรณ์ฝุ่น PM2.5 รายเขต ล่วงหน้า 7 วัน ผ่านแอปพลิเคชัน AirBKK การเตรียมความพร้อมมาตรการ Work From Home (WFH) และการดูแลกลุ่มเปราะบาง หากสถานการณ์ฝุ่นเข้าสู่ระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ
ที่ปรึกษาของกรุงเทพมหานครกล่าวย้ำว่า ปัญหาฝุ่น PM2.5 ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเพียงลำพัง แต่ต้องอาศัยความร่วมมือข้ามจังหวัด การบริหารจัดการเชิงป้องกัน และการตัดสินใจบนฐานข้อมูล โดยกรุงเทพมหานครพร้อมเดินหน้าทำงานร่วมกับทุกจังหวัดและทุกภาคส่วน เพื่อดูแลสุขภาพของประชาชนอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ทั้งนี้ ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมเป็นหูเป็นตา หากพบเห็นการเผา สามารถแจ้งได้ที่ Traffy Fondue และติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ได้ที่ เว็บไซต์ www.airbkk.com แอปพลิเคชัน AirBKK เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร, สำนักสิ่งแวดล้อม กทม. และ กรุงเทพมหานคร
