Authority & Harm

ตร.โคราชตั้งค่าหัวนำจับเด็กแว้น3พันบ.



นครราชสีมา-ตำรวจโคราชให้ประชาชนชี้เบาะแสจับกุมเด็กแว้น มีรางวัลนำจับ 3,000 บาท พร้อมเฝ้าระวังยาเสพติดในช่วงสถานการณ์โควิด

วันที่ 19 สิงหาคม 2564 พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โควิด 19 ได้มีการระบาดอย่างหนักในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา จนกลายเป็นจังหวัดสีแดงเข้มและได้ประกาศเคอร์ฟิวในเวลาต่อมา โดยทางตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ก็ได้มีการประชุมกับหัวหน้าสถานี ให้เฝ้าระวังตรวจตาและป้องปรามกลุ่มนักค้ายาเสพติดจะฉวยโอกาสในช่วงเวลานี้ ขนยาเสพติดผ่านพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีเป้าหมายอยู่ที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งก็พบว่ามีการตรวจตาจับกุมได้ แต่ปริมาณยาเสพติดไม่เยอะเหมือนภาคอื่นๆ เนื่องจากว่าไม่ใช่พื้นที่ผลิตยาเสพติดแต่เป็นเส้นทางของกลุ่มนักค้ายาเสพติดจะใช้เป็นเส้นทางผ่านมากกว่า แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจยังให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เฝ้าติดตามกลุ่มนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ เนื่องจากว่าเป็นนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและพลตำรวจโทภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ซึ่งมีมาตรการกวาดล้างให้สิ้นซาก และตรวจยึดทรัพย์สินที่มาจากการค้ายาเสพติด 

นอกจากนี้ยังมีการกวดขันของกลุ่มเด็กแว้น ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งได้มีการขับขี่จนเกิดความรำคาญให้กับพี่น้องประชาชน จึงมีมาตรการกวาดล้างและตรวจยึดมอเตอร์ไซค์พร้อมดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด อีกทั้งยังให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแสจนสามารถจับกุมกลุ่มเด็กแว้นที่ก่อความรำคาญ จะได้สินบนนำจับ 3,000 บาท ในส่วนของกลุ่มเด็กแว้นมีการโพสต์คลิปการแข่งขันบนท้องถนน สายหลักในพื้นที่ ก็มีการจัดเจ้าหน้าที่ออกติดตามเพื่อนำตัวมาดำเนินคดี ซึ่งก็พบว่ามีปริมาณของกลุ่มเด็กแว้นที่ออกมากวนเมืองลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด 

อย่างไรก็ตามในช่วงของสถานการณ์ covid-19 ตนได้สั่งการให้หัวหน้าโรงพักทุกสถานี ออกตรวจตาโรงพยาบาลสนาม ซึ่งอาจพบว่าบางรายมีการหนีจากสถานที่กักกันออกมานั่งดื่มสุรา และไม่เชื่อคำสั่งของเจ้าหน้าที่ จึงต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกไปป้องกัน และติดตามกลับมาอยู่ในที่กักตัว เพื่อไม่ให้ที่เชื้อแพร่กระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ รวมไปถึงออกตรวจตราสอดส่อง หลังจากมีการเคอร์ฟิว หากพบประชาชนที่มีการขับขี่รถหลังเคอร์ฟิวก็จะมีการเรียกตรวจเพื่อทำความเข้าใจกับสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ ว่าห้ามออกจากเคหะสถาน ในช่วงสถานการณ์แบบนี้

ณัฐพงศ์ อรชร/ข่าวนครราชสีมา