Travel Sport & Soft Power

'ข้าวจี่เงินล้าน'2ผัวเมียพลิกวิกฤตโควิด ขายข้าวจี่มูนทำกำไรได้วันละ2พัน



กาฬสินธุ์-พบสองสามีภรรยาชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ อดีตเจ้าของร้านซ่อมและจำหน่ายอุปกรณ์รถจักรยานยนต์และแม่บ้าน พัฒนาภูมิปัญญาจากการปั้นข้าวจี่ผิงไฟในฤดูหนาว มาเป็นข้าวจี่มูนขายตลอดปี โดยใช้ข้าวเหนียวเขาวงมาตรฐาน Gi ต้นทุนวันละ 100-200 บาท ขายราคาก้อนละ 5 บาท สุดปัง!  รายได้วันละ 2,000 บาท หรือเดือนละ 60,000 บาท สามารถผ่อนส่งบ้านราคา 3 ล้านบาทได้สบาย 

วันที่ 3 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าว ได้รับแจ้ง 2 สามีภรรยาเจ้าของร้านข้าวจี่มูนกลางเมืองกาฬสินธุ์  ยืนหยัดทำข้าวจี่ขายตลอดปี ไม่มีวันหยุด ปรับปรุงรสชาติจากสูตรดั้งเดิม โดยใช้ข้าวเหนียวเขาวงมาตรฐาน Gi ผสมน้ำกะทิ ไข่เป็ด และเกลืออนามัย เป็น “ข้าวจี่มูน” มานานกว่า 30 ปี ปัจจุบันวางขายทั้งหน้าร้าน  บริการส่งโดยไรเดอร์ฟู้ดแพนด้า และไรเดอร์แกร็บ มีรายได้ถึงวันละ 2,000 บาทหรือเดือนละ 60,000 บาท  สามารถสร้างเนื้อสร้างตัว ผ่อนส่งบ้านราคา 3 ล้านบาทได้สบาย เป็นตัวอย่างของคนสู้ชีวิต โดยเฉพาะในยุคสถานการณ์โควิด-19  โดยร้านปูข้าวจี่มูน อยู่บนถนนธนะผล หลังโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ เลขที่ 49/3  เจ้าของกิจการ  2 สามีภรรยาคือนายธวัชชัย ศรีคัดเค้า อายุ 49 ปี และนางกาญจนา ศรีคัดเค้า หรือปู อายุ 48 ปี เป็นเจ้าของร้าน กำลังให้บริการขายข้าวจี่ ให้กับลูกค้า พร้อมรับออร์เดอร์ส่งอาหารทั้งไรเดอร์ฟู้ดแพนด้า  และไรเดอร์แกร็บ ที่ทยอยมารับข้าวจี่มูนอย่างไม่ขาดสาย  นอกจากนี้ยังเข้าร่วมโครงการกับรัฐคนละครึ่ง อีกด้วย

นายธวัชชัยกล่าวว่า เดิมตนเปิดร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ เช่าร้านที่อยู่ข้างร้านขายข้าวจี่ ค่าเช่าเดือนละ 6,000 บาท โดยเปิดมานานกว่า 10 ปี ขณะที่นางกาญจนาภรรยา เป็นแม่บ้าน และขายของเล็กๆน้อยๆหน้าร้าน พอมีรายได้เสริมเลี้ยงลูกและส่งเสียลูกชาย 2 คนเรียนหนังสือจนจบปริญญาตรี ก่อนหน้านั้นอาชีพช่างซ่อมรถจักรยานยนต์พอไปได้เรื่อยๆ เพราะร้านซ่อมมีน้อย ต่อมาระยะหลัง ร้านซ่อมตามหมู่บ้านและในเมืองผุดขึ้นมามาก อีกทั้งสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 แทบจะไม่มีลูกค้าเข้าร้านเลย เริ่มต้นจากทดลองปั้นข้าวจี่ขาย สูตรข้าวจี่มูน มาวางขายหน้าร้าน และมีสินค้าของกินต่างๆ  เช่น หมูทอดแดดเดียว กากหมูเจียว ลูกชิ้น กาแฟ น้ำผลไม้ต่างๆ ขายเป็นอาหารเสริม เป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้ลูกค้า ซึ่งปรากฏว่าขายดีขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งมีออร์เดอร์สั่งมาเป็น 500-1,000 ก้อน ทำคนเดียวไม่ทัน ตนจึงตัดสินใจปิดร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ มาเป็นลูกมือช่วยภรรยาทำข้าวจี่มูนขายอย่างจริงจังและเป็นอาชีหลักถึงปัจจุบันนี้

ด้านนางกาญจนา ศรีคัดเค้า หรือปู เจ้าของสูตร “ปูข้าวจี่มูน” กล่าวว่าสาเหตุที่ทำข้าวจี่มูนขายเป็นอาชีพหลักนั้น เนื่องจากชอบทำข้าวจี่หรือปิ้งข้าวจี่มาตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก ซึ่งจะทำกันในฤดูหนาว โดยเฉพาะช่วงปีใหม่  ซึ่งจะนำข้าวเหนียวใหม่ ที่นึ่งสุกใหม่ๆ มีกลิ่นหอม มาปั้นเป็นก้อนแล้วจี่ไฟ ขณะนั่งล้อมวงผิงไฟเพื่อควายหนาวตามประสาชาวบ้านอีสาน ซึ่งพอสิ้นสุดฤดูหนาว ไม่ได้ผิงไฟ ก็จะไม่มีข้าวจี่รับประทานกัน กว่าจะได้ทานข้าวจี่อีกครั้ง ก็ต้องรอกันเป็นปีๆ ทีเดียว หรือที่เรียกว่ามีปีละครั้งเท่านั้นที่จะมีโอกาสได้ทานข้าวจี่กัน

นางกาญจนากล่าวอีกว่า หากนึกอยากทานข้าวจี่ในฤดูกาลอื่นๆ เช่น ช่วงหน้าร้อน หรือหน้าฝน ข้าวที่จะเอามาทำข้าวจี่ก็ไม่ใช่ข้าวใหม่ กลายเป็นข้าวเก่าไปแล้ว กลิ่นหอมของเมล็ดข้าวก็หายไป นำมานึ่งสุกหรือทำข้าวจี่ก็ไม่หอมอร่อยเหมือนข้าวใหม่ ในช่วงหน้าหนาวหรือปีใหม่ ตนจึงเกิดไอเดียที่จะทำข้าวจี่ที่สามารถทานได้อย่างอร่อยตลอดปี ก็ลองผิดลองถูกมานาน ก่อนที่จะลงตัวที่สูตร “ข้าวจี่มูน” ในปัจจุบัน โดยตั้งชื่อว่า “ปูข้าวจี่มูน” 

ทั้งนี้จากคุณสมบัติพิเศษของข้าวสารเหนียวเขาวงกาฬสินธุ์ ซึ่งอ่อนนุ่มและคงความหอมตลอดเวลา ได้รับการรับรองมาตรฐาน Gi หรือสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ตนจึงได้นำมาเป็นวัตถุดิบหลักในการทำข้าวจี่ โดยผสมกับน้ำกะทิ เกลืออนามัยหรือเกลือไอโอดีน และไข่เป็ด เมื่อนำส่วนผสมทั้ง 4 อย่างมารวมกันจึงเรียกว่ามูน ก็จะได้ข้าวจี่มูนดังกล่าว ทั้งนี้ อัตราส่วนผสมคือ ถ้าใช้ข้าวสารเหนียวเขาวง 3 ก.ก. ต่อเกลืออนามัย 30 กรัม น้ำกะทิ 1 ก.ก.และไข่เป็ดตามความเหมาะสม เพื่อให้ผิวข้าวจี่เป็นสีเหลือง เนียนนุ่ม น่ารับประทาน

 “ต้นทุนการผลิต หากคิดอัตราข้าวเหนียวเขาวง 3 ก.ก.หรือ 1 หม้อ ราคา 100 บาท ไข่เป็ดเลี้ยงเอง มะพร้าวที่นำมาทำกะทิได้จากสวน บางครั้งไม่พอก็ซื้อจากท้องตลาดบ้าง เกลือ 30 กรัม ราคา 1 บาท ถือว่าต้นทุนการผลิตค่อนข้างต่ำ ซึ่งอัตราส่วนนี้จะได้ข้าวจี่มูน 200 ก้อน จำหน่ายก้อนละ 5 บาท ขายได้ 1,000 บาท ปัจจุบันทำวันละ 2 หม้อ ใช้ข้าวสาร 6 ก.ก.ได้ข้าวจี่มูน 400 ก้อน เฉลี่ยต้นทุนต่อวันคิดเฉพาะค่าข้าวสารประมาณ 200 บาท ขายได้ 2,000 บาท หรือเดือนละ 60,000 บาท แต่หากเป็นในฤดูหนาวจะขายดีกว่านี้ถึง 1 เท่าตัว สำหรับช่องทางจำหน่ายที่หน้าร้าน และบริการรับส่งโดยไรเดอร์ฟู้ดแพนด้า และไรเดอร์แกร็บ เปิดขายทุกวันตั้งแต่ 08.00-20.00 น. หรือลูกค้ามีออร์เดอร์เข้ามา ก็จัดให้ตามความต้องการ”

ด้านนางกิ่งกนก ภูมิ่งเดือน อายุ 49 ปี บ้านเลขที่ 44 หมู่ 13 บ้านดงเมือง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ลูกค้าประจำกล่าวว่า เป็นลูกค้าของร้านปูข้าวจี่มูนมาตั้งแต่เริ่มเปิดร้าน จึงแวะเวียนมาอุดหนุนทุกวัน ข้าวจี่มูนที่นี่รักษาคุณภาพ หอม อร่อย รับประทานเป็นอาหารได้เลย ตนจึงติดใจซื้อไปทานเป็นประจำ นอกจากนี้ในโอกาสทำบุญต่างๆ ก็มาสั่งไปตั้งโรงทานบ้าง เป็นของฝากเพื่อนและญาติต่างจังหวัดบ้าง ข้าวจี่มูนจึงถือเป็นอีกหนึ่งของดีกาฬสินธุ์ ที่หากมีโอกาสเดินทางมากาฬสินธุ์ ไม่ควรพลาดที่จะลองลิ้มชิมรส “ปูข้าวจี่มูน” รับรองจะติดใจ
ขายข้าวจี่มูนของครอบครัวศรีคัดเค้า ถือว่าประสบความสำเร็จในชีวิต สามารถเป็นตัวอย่างของคนสู้ชีวิต ในยุคประสบสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี โดยทุกวันนี้มีรายได้ผ่อนส่งบ้านราคา 3 ล้านบาทได้สบาย จึงมีลูกค้าประจำบางคนตั้งชื่อให้ว่า “ข้าวจี่เงินล้าน”  จึงให้ข้อคิดว่า การทำงานหรือประกบอาชีพอะไรก็ตาม ขอให้มีจุดยืน ซื่อสัตย์ต่อลูกค้า และต่อหน้าที่ ถึงแม้จะเป็นร้านเล็กๆ แต่ก็มีรายได้ประจำ สามารถยึดเป็นอาชีพหลักที่มั่นคงได้