หนุ่มปากแพรกให้ตังค์ลูกไปซื้อขนมกันนะ ลูกกลับมาพ่อเป็นผีนั่งผูกคอตาย

วันที่ 21 กันยายน 2566 - 21:38 น.

กาญจนบุรี-ให้ตังค์ลูกไปซื้อขนมกินครั้งสุดท้าย !!! หนุ่มปากแพรก กาญจน์ วัย 48 นั่งผูกคอตายประชดเมียทิ้งหอบลูกคนเล็กหนี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุผูกคอตายรายนี้ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 07.10 น.ของวันที่ 21 ก.ย.66 ร.ต.อ.สกุล  เอี่ยมบุญลือ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.ฯ ว่ามีคนผูกคอตายที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ ใกล้เคียงวัดหัวนาบน ริมถนนสายบายพาส  เขตเทศบาล ต.ปากแพรก อ.เมืองฯ หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบเรื่องจากนั้น จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมประสานแพทย์เวร รพ.พหลพลพยุหเสนา ร่วมกับมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ประจำสำนักงานใหญ่ และจุดรอรับเหตุ ต.ปากแพรก ให้มาร่วมชันสูตรพลิกศพ

จากการตรวจสอบพบว่าภายในบ้านหลังดังกล่าวมีร่างผู้เสียชีวิตเป็นผู้ชายไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียวอยู่ในสภาพนั่งเสียชีวิต ที่บริเวณลำคอมีเชือกผ้าลายผูกรั้งลำคอแขวนติดกับขื่อหลังคาบ้าน จึงสั่งการให้แก้มัดเชือกออกและนำศพออกมาให้แพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพ ตรวจสอบตามร่างกายไม่มีบาดแผล หรือร่องรอยการถูกทำร้าย จุดที่พบศพก็ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ตรวจสอบหลักฐานบัตรประชาชนของผู้ตายทราบชื่อนายเกึยรติศักดิ์(ขอสงวนนามสกุล)อายุ 48 ปึ ผู้ตายอยู่บ้านเลขที่ตามบัตรประชาชน เลขที่ 147 หมู่ 10 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี

เบื้องต้นจากการสอบสวนปากคำญาติๆ และลูกชายคนโตของผู้ตาย ทราบว่า นายเกึยรติศักดิ์ ผู้ตาย เคยมีครอบครัว มีบุตรชาย-หญิงกับภรรยาด้วยกัน 3 คน อยู่ๆ ภรรยาของผู้ตายได้หอบผ้าหอบผ่อนหนีไป โดยทิ้งลูกคนโตและคนรองไว้กับผู้ตายเพียง  3 คนพ่อลูก ส่วนลูกคนเล็ก ภรรยาได้พาไปด้วย ทำให้ผู้ตายเสียใจโกธรแค้นและคิดมาก โดยเมื่อตอน 05.00 น.ลูกชายคนโตบอกได้ยินเสียงพ่อคุยโทรศัพท์ด่ากับแม่ทางทางโทรศัพท์ แล้วก็เงียบสายไป แล้วพ่อก็เรียกให้ไปคุยโทรศัพท์กับแม่

จนกระทั่ง 06.00 น.พ่อได้เรียกให้ไปคุยโทรศัพท์กันแม่  จากนั้น พ่อได้ให้ตังค์ให้พาน้องไปซื้อขนมกินที่ร้านค้าใกล้บ้าน เมื่อกลับมาถึงบ้านก็พบว่า พ่อผูกคอตายแล้ว จึงวิ่งไปบอกปู่ และแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านกับตำรวจทราบเรื่อง  ซึ่งจากจากคำให้การของเด็กเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการฆ่าตัวตายเอง ส่วนสาเหตุน่าจะเกิดจากน้อยใจและต้องการประชดภรรยา สอบถามบรรดาญาติๆ ไม่มีใครติดใจสงสัยสาเหตุการตาย จึงมอบร่างให้ญาติๆ นำศพไปจัดการตามประเพณีทางศาสนาต่อไป