Authority & Harm

คืบหน้า7วันแล้วที่เด็กชาวเขาถูกล่อลวง ชุดสืบฯสิงห์บุรีติดตามอย่างเร่งด่วน



สิงห์บุรี-คืบหน้า 7 วันแล้ว ที่เด็กชาวเขาถูกคนร้ายชายรักชายล่อลวงออกจากวัดไป ชุดสืบสวนตามเกาะติดตามหาอย่างเร่งด่วน

โดยล่าสุดวันนี้ ผู้สื่อข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ร้านขายโทรศัพท์ในตลาดอินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เมื่อวันที่ 16 ก.ย.66 ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ คาดว่าหลังจากที่ นายพัน รับน้องมัวขึ้นรถซาเล้งมาแล้ว เลยพามาแวะร้านขายโทรศัพท์และซื้อซิมโทรศัพท์ใหม่ให้น้องมิว 1 ซิม ในราคา 150 บาท ก่อนที่จะพา น้องมัว ไปพักที่โรงแรมสันติสุข 

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ต่อที่ สภ.อินทร์บุรี พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาเพื่อนน้องมัว 2 คนมายืนยันภาพถ่ายจากการค้นทะเบียนราษฎร์ว่าเป็นคนในรูปเป็นคนเดียวกันกับ นายพัน ที่ลักพาตัว น้องมัว ไปหรือไม่ ซึ่งเพื่อนทั้งสองได้ยืนยันว่าใช่เป็นคนเดียวกัน คือ นายปิยะพงษ์ หนองเฆ่ (บอย) แต่คนอื่นเรียกกันว่า นายพัน อายุ 36 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.ท่างาม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี แต่ได้มาอยู่ในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี ประมาณ 6 ปี คาดว่าหนีคดี และหมายจับของ ศาลจังหวัดปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 ในข้อหา "พรากเด็ก อายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล, พาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่สามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม, ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพฯ, หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย" และยังก่อคดีเมื่อเดือนกันยายน 2560 นายพัน ได้ล่อลวงเด็กชาย 4 คน อายุประมาณ 11-13 ปี ไปทำอนาจารในป่า บริเวณหมู่บ้านโคกไข่เต่า ต.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี แต่โชคดี มีเด็กคนหนึ่งหนีรอดออกมาได้และได้โทรศัพท์แจ้งตำรวจให้มาช่วยเหลือได้สำเร็จ นับว่าเป็นบุคคลที่อันตรายอย่างยิ่ง

ผู้สื่อข่าวยังได้ภาพกล้องวงจรปิดจากร้านรับซื้อของเก่าแถว ต.จักรสีห์ อ.เมืองสิงห์บุรี เมื่อวันที่ 16 ก.ย.66 ซึ่งเป็นร้านที่นายพันนำของเก่าที่เก็บได้มาขายที่ร้านนี้เป็นประจำ และภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นภาพที่นายพันขี่ซาเล้งพาน้องมัวนำของมาขายเป็นวันสุดท้ายก่อนที่วันรุ่งขึ้นจะออกจากพื้นที่ จ.สิงห์บุรี

ต่อมา ผู้สื่อข่าวยังได้ภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านแห่งหนึ่ง ใน อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ที่ได้รับซื้อซาเล้งจากนายพันไป โดยในภาพเป็นช่วงเวลา 9.30 น. ของวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมา เป็นนาทีที่ เจ้าของร้าน เข็นรถซาเล้งไปเก็บที่โรงเก็บของที่อยู่ข้างๆ ร้าน หลังเอาไปพ่นสีใหม่ และมีเจ้าหน้าที่ชุดสืบจังหวัดสิงห์บุรีไปสอบถามก่อนที่จะนำรถซาเล้งของกลางกลับมาที่ สภ.อินทร์บุรี โดย เจ้าของร้าน เล่าว่า เมื่อวาน (18 ก.ย.66) นายพันได้นำมาขายให้ โดยตั้งราคา 4,000 บาท แต่เจ้าของต่อรองเหลือ 3,600 บาท แล้วนายพันก็จูงน้องมัวซึ่งบอกกับเจ้าของร้านว่าเป็นลูกชาย จะเอาไปเรียนหนังสือที่ จ.ลพบุรี แต่น่าเสียดายที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านตอนนายพันเอารถซาเล้งมาขายเพราะถูกบันทึกทับไปแล้ว (บันทึกทับทุกๆ 5 วัน)  

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ไปที่วัดโฉมศรี ต.ชีน้ำร้าย อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เพื่อไปถามความคืบหน้า โดยเข้าพบ พระปลัดสุรพล รองเจ้าอาวาสวัดโฉมศรี ผู้ดูแลเด็กชาวเขาที่มาเรียนหนังสือและพักประจำอยู่ที่วัดนี้เลยประมาณ 300 คน ส่วน น้องมัว อยู่ชั้น ม.1 แล้วก็จะไปเรียนที่วัดบางปูน แต่ยังพักอาศัยอยู่ที่วัดโฉมศรี ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ น้องไกรสร ผู้ที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า "เห็นคนร้ายขี่ซาเล้งมาเก็บของเก่าขายหลังวัดเป็นประจำทุกเสาร์อาทิตย์ เวลามาก็จะมาชวนพวกเขาคุย โดยเฉพาะกับ น้องมัว ชอบให้เงินพวกเขา แล้วเคยพาน้องมัวไปข้างนอกบ่อย ส่วนตัวน้องมัวเป็นคนนิ่มๆ ไม่ค่อยคุยกับใครมากนัก ชอบเล่นโทรศัพท์ จนโทรศัพท์เสีย ก็มายืมของเพื่อนไปเล่นบ้าง ตนและเพื่อนๆ คนอื่นเป็นห่วง น้องมัวกันมาก กลัวจะเกิดอันตรายกับเพื่อนของตน"

พอดีกับช่วงที่พ่อของน้องมิว ได้โทรทางไกลจากประเทศอิสราเอล เข้ามายังเครื่องของพระปลัดสุรพล เพื่อ ถามความคืบหน้าในการตามหาลูกชาย โดยพ่อบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า หลังรู้ว่าลูกหายไปก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ คิดถึงลูก อยากได้ลูกคืน ที่ผ่านลูกไม่เคยเล่าเลยว่า รู้จัก นายพัน ซึ่งถ้าลูกบอกสักคำว่า  นายพัน จะพาไปซื้อมือถือ ตนก็จะไม่ให้ไปเด็ดขาด จนมาเห็นรูปถ่ายในเฟซบุ๊กส์ของ นายพัน ที่หอมแก้มลูกชายของตนก็ตกใจกลัวลูกจะเป็นอันตราย จึงให้แม่น้องมัวโทรไปหาลูก ซึ่งตอนนั้นลูกยังบอกว่าอยู่ที่ จ.สระบุรี ผ่านไป 10 นาทีก็ปิดเครื่องติดต่อกันไม่ได้อีก โดยขอวอนคนร้ายให้นำลูกชายของตนมาคืนเสียที

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่า ได้ข้อมูลการใช้โทรศัพท์ครั้งสุดท้ายของ นายพัน เมื่อวันที่ 19 ก.ย.66 เวลา 18.00 น. ที่ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา

จินตนา ปานมี ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สิงห์บุรี