Biz news
'บีแลนด์'จ่ายเงินปันผลอัตราหุ้นละ0.01บ. ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่53

กรุงเทพฯ, 16 กรกฎาคม 2568: บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) ได้จัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผ่านระบบออนไลน์ โดยมีนายปีเตอร์ (ซุยฮัง) กาญจนพาสน์ประธานกรรมการบริษัท และประธานในการประชุม โดยปีนี้ถึงแม้ว่าผลประกอบการจะปรับลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่บริษัทยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของการเติบโตในระยะยาว พร้อมเดินหน้านโยบายตอบแทนผู้ถือหุ้นด้วยการเตรียมจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.01 บาท ซึ่งเท่ากับปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ เงินปันผลดังกล่าวจะนำเสนอเพื่อขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญครั้งที่ 53 ในวันนี้ ซี่งจากรายงานประจำปีนี้ได้สะท้อนถึงความท้าทายอย่างต่อเนื่องสำหรับบริษัท ท่ามกลางปัจจัยแวดล้อมที่ไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ทั้งจากสงครามที่ยืดเยื้อและนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ หนี้ครัวเรือนที่สูง และการท่องเที่ยวที่ซบเซา ปัจจัยเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงความเปราะบางของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ขณะเดียวกันเหตุการณ์แผ่นดินไหวภายในประเทศยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นายปีเตอร์ (ซุยฮัง) กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้านแต่บริษัทยังคงเดินหน้าพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง โดยล่าสุดสามารถเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายได้สำเร็จครบทั้ง 2 สถานี ได้แก่ สถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี และสถานีทะเลสาบ เมืองทองธานี ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะช่วยยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มมูลค่าทรัพย์สินในพื้นที่ และลดความแออัดของการจราจรในช่วงการจัดงานขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพในขณะเดียวกัน ธุรกิจศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค ก็มีผลประกอบการเติบโตอย่างชัดเจนด้วยรายได้รวม 1,914 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 และมีกำไรสุทธิ 399 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นอย่างโดดเด่นถึงร้อยละ 966.3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ด้านIMPACT Growth REIT ก็ยังคงสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจโดยมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.5 และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.8 มีรายงานจ่ายเงินปันผล 0.67 บาทต่อหน่วย ในปีสิ้นสุด 2567/2568 เพิ่มขึ้นจาก 0.54 บาทต่อหน่วยในปีที่ผ่านมาด้วยศักยภาพของเมืองทองธานี ประกอบกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง ผมเชื่อมั่นว่าอิมแพ็คจะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในระยะยาว”
สรุปความคืบหน้าและผลสำเร็จของโครงการต่างๆ ภายใต้การดำเนินงานของ บางกอกแลนด์ มีดังนี้:
- ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์: แม้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในนนทบุรีจะยังชะลอตัว จากปัจจัยหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงและการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของธนาคาร แต่โครงการ“โมริ คอนโดมิเนียม” เมืองทองธานียังคงสร้างผลงานโดดเด่น โดยมียอดขายแล้วกว่า 80% และโอนกรรมสิทธิ์เรียบร้อยแล้วถึง 82% ของยูนิตที่ขายได้ สะท้อนถึงจุดแข็งของโครงการฯ ทั้งด้านราคา การออกแบบทันสมัย พร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบชุด และความสะดวกจากรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายพร้อมทางเดินลอยฟ้ามีหลังคาคลุม ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าและความน่าสนใจให้กับโครงการอย่างชัดเจน
- ธุรกิจค้าปลีก: ผลประกอบการของธุรกิจค้าปลีกยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์การค้า BEEHIVE Lifestyle Mall และ Cosmo Bazaar ได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวของประชากรในเมืองทองธานี ทั้งจากการเข้ามาของหน่วยงานภาครัฐ เช่น สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมถึงการเข้าอยู่อาศัยของลูกบ้านโครงการ “โมริ คอนโดมิเนียม” ส่งผลให้ความต้องการใช้จ่ายในพื้นที่เพิ่มขึ้นนอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของจำนวนพนักงานจาก 3BB กว่า 1,400 คน ที่จะเข้าพื้นที่ในเดือนกันยายนนี้ นับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผลักดันดีมานด์ บริษัทจึงเตรียมขยายพื้นที่ศูนย์อาหารใน Cosmo Bazaar โดยมีกำหนดเปิดให้บริการในเดือนนี้ และขณะเดียวกันโครงการ Outlet Square ยังคงได้รับความสนใจสูงบริษัทจึงได้เริ่มก่อสร้างพื้นที่ Outlet เพิ่มเติม ซึ่งร้านค้าทั้งหมดถูกจองเต็มหมดแล้ว โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปลายปีนี้
- ธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่า:บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) (“3BB”) บริษัทย่อยของ AIS ได้ลงนามสัญญาเช่าพื้นที่โครงการ Cosmo Office Park รวม 11,117 ตร.ม. เป็นระยะเวลา 9 ปี พร้อมสิทธิ์ต่อสัญญาทุก 3 ปี โดยสามารถปรับอัตราค่าเช่าได้ตามรอบการต่ออายุ ส่งผลให้อัตราการใช้พื้นที่ของโครงการเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 70%ขณะเดียวกัน อาคารสำนักงานให้เช่าของบางกอกแลนด์มีอัตราการใช้พื้นที่อยู่ที่ประมาณ 77% โดยผู้เช่าหลักคือ บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ จำกัด (TRUE IDC) ซึ่งเช่าพื้นที่ในระยะยาว 20–30 ปี พร้อมข้อตกลงต่ออายุทุก 3 ปี และสามารถปรับค่าเช่าได้ตามสัญญา
- ธุรกิจโรงแรม:ทั้งโรงแรมโนโวเทลและไอบิสมีผลประกอบการที่ดีขึ้นในปีงบประมาณ 2567/2568 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
- โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ อิมแพ็ค มีอัตราการเข้าพักเพิ่มจาก 48% เป็น 53.4% ขณะที่ EBIDA เพิ่มจาก 59 เป็น 80.5
- โรงแรมไอบิส กรุงเทพ อิมแพ็ค มีอัตราการเข้าพักเพิ่มจาก 45.5% เป็น 48.5% และ EBIDA เพิ่มจาก 54.2 เป็น 92.0
การเติบโตดังกล่าวมาจากจำนวนงานอีเวนต์ที่จัดในอิมแพ็คเพิ่มขึ้น รวมถึงการเปิดใช้งานทางเชื่อมตรงไปยังสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู (สถานี MT02 ทะเลสาบเมืองทองธานี) ซึ่งคาดว่าจะช่วยสนับสนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่องของโรงแรมทั้งสองแห่งในอนาคตอันใกล้
- โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายเข้าสู่เมืองทองธานี:การเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายสำเร็จลุล่วงแล้ว โดยครอบคลุม 2 สถานี ได้แก่ สถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี (MT01) และสถานีทะเลสาบ เมืองทองธานี (MT02) ความสำเร็จนี้ไม่เพียงเสริมศักยภาพด้านการคมนาคม แต่ยังช่วยเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินในพื้นที่เมืองทองธานีที่บริษัทลงทุนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังบรรเทาปัญหาการจราจร โดยเฉพาะช่วงจัดงานขนาดใหญ่ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี
- อนาคตที่สดใสของเมืองทองธานี: การเปิดบริการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายเข้ามาในเมืองทองทั้ง 2 สภานีดังกล่าวนั้น ช่วยให้การเดินทางสะดวกยิ่งขึ้น ทั้งสำหรับนักท่องเที่ยว ผู้อยู่อาศัย และพนักงานในพื้นที่ โดยเชื่อมั่นว่าการเชื่อมต่อใหม่นี้จะเป็นแรงผลักดันสำคัญต่อการเติบโตของธุรกิจและการลงทุนในเมืองทองธานี ซึ่งบริษัทมีแผนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายแปลงที่ตั้งอยู่ใกล้สถานีเหล่านี้ในอนาคตในขณะเดียวกันมหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตเมืองทองธานี ได้เตรียมเปิดอาคารเรียนแห่งใหม่ช่วงปลายปีนี้ คาดว่าจะมีนักศึกษาไทยและต่างชาติกว่า 5,000 คน ส่งผลให้ความต้องการพื้นที่ค้าปลีกและที่อยู่อาศัยเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะที่ Cosmo Bazaar และคอนโดมิเนียมใกล้เคียง พร้อมเปิดโอกาสต่อยอดการพัฒนาที่ดินโดยรอบมหาวิทยาลัยในอนาคต
“ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะยังคงเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่ผมยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทฯ ซึ่งมีฐานรายได้ที่มั่นคงจากการให้เช่าพื้นที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค รวมถึงพื้นที่เชิงพาณิชย์ในเมืองทองธานีที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะขยายตัวมากยิ่งขึ้นจากการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายของเรา อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ บริษัทจะยังคงดำเนินกลยุทธ์อย่างรอบคอบ และเฝ้าระวังการลงทุนในระยะข้างหน้าอย่างใกล้ชิด” นายปีเตอร์ กล่าวสรุป