In News
ดีอีแจ้งเตือนข่าวปลอม'พายุวิภา'เข้าไทย ศูนย์กลางผ่านน่านสร้างความตื่นตระหนก

กรุงเทพฯ-กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ตรวจพบข่าวปลอมรายสัปดาห์ ที่ประชาชนให้ความสนใจสูงสุดอันดับที่ 1 เรื่อง “เตรียมรับมือ พายุวิภา เข้าไทย ศูนย์กลางผ่าน จ.น่าน ทำภาคเหนือ อีสาน กลาง เสี่ยงน้ำท่วม” รองลงมาคือเรื่อง “กยศ. หักเงินอัตโนมัติจากบัญชี SCB” โดยขอให้ประชาชน อย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เลือกเชื่อ เลือกแชร์ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ อาจทำให้เกิดความตื่นตระหนก วิตกกังวล สับสน และเข้าใจผิดในสังคม
นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) ในฐานะโฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 18 – 24 กรกฎาคม 2568 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 845,341 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 927 ข้อความ
สำหรับช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 897 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 25 ข้อความ ช่องทาง Website จำนวน 2 ข้อความ ช่องทาง Facebook จำนวน 2 ข้อความ และช่องทาง TikTok จำนวน 1 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 294 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 100 เรื่อง
ทั้งนี้ กระทรวงดีอี ได้แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย
กลุ่มที่ 1 : นโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศ จำนวน 139 เรื่อง
กลุ่มที่ 2 : ผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายจำนวน 34 เรื่อง
กลุ่มที่ 3 : ภัยพิบัติ จำนวน 27 เรื่อง
กลุ่มที่ 4 : เศรษฐกิจ จำนวน 15 เรื่อง
กลุ่มที่ 5 : กลุ่มอาชญากรรมออนไลน์ จำนวน 79 เรื่อง
นายเวทางค์ กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจในลำดับต้นๆ ในสัปดาห์นี้ เป็นข่าวเกี่ยวกับภัยพิบัติ ความมั่นคงระหว่างประเทศ ข่าวการให้บริการของหน่วยงานรัฐ และข่าวที่เกี่ยวกับสุขภาพ และผลิตภัณฑ์สุขภาพ ซึ่งมีผลกระทบต่อสังคมส่วนใหญ่ ทำให้เกิดความตื่นตระหนก วิตกกังวล สับสน เข้าใจผิดได้ โดยข่าวที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่
อันดับที่ 1 : เรื่อง เตรียมรับมือ พายุวิภา เข้าไทย ศูนย์กลางผ่าน จ.น่าน ทำภาคเหนือ อีสาน กลาง เสี่ยงน้ำท่วม
อันดับที่ 2 : เรื่อง กยศ. หักเงินอัตโนมัติจากบัญชี SCB
อันดับที่ 3 : เรื่อง กินทุเรียนกับน้ำอัดลมพิษร้ายแรงกว่าพิษงูเห่า
อันดับที่ 4 : เรื่อง กินผลไม้สดขณะท้องว่าง ช่วยรักษามะเร็ง
อันดับที่ 5 : เรื่อง วันที่ 23 ก.ค. 68 จะเกิดปรากฏการณ์ Red Rain ถล่ม อ.เมือง จ.เชียงราย นานถึง 40 ชม.
อันดับที่ 6 : เรื่อง ปี 2568 กรุงเทพฯ และปริมณฑล เสี่ยงน้ำท่วมถาวร
อันดับที่ 7 : เรื่อง ชาวจีนสามารถเปิดร้านค้าในไทยได้โดยไม่ต้องมีวีซ่า
อันดับที่ 8 : เรื่อง ไทยลักลอบส่งออกนมสดไปกัมพูชา
อันดับที่ 9 : เรื่อง แบงค์ชาติ เตือน ปชช. ให้พกเงินสดไว้ 3-6 เดือน เพราะจะเกิดการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ และทั่วโลก
อันดับที่ 10 : เรื่อง CISPI จัดทำหนังสือ World Soft Power Focus E- Magazine
สำหรับอันดับ 1 เรื่อง “เตรียมรับมือ พายุวิภา เข้าไทย ศูนย์กลางผ่าน จ.น่าน ทำภาคเหนือ อีสาน กลาง เสี่ยงน้ำท่วม” กระทรวงดีอี โดยกรมอุตุนิยมวิทยา ตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นข้อมูลเท็จ โดยขอชี้แจงว่า ข้อมูลในโพสต์นี้ไม่ได้มาจากกรมอุตุนิยมวิทยา เป็นเพียงข้อความที่มาจากบุคคลที่ไม่มีหน้าที่รับผิดชอบ และไม่ได้เกี่ยวข้องกับหน่วยงานที่แจ้งเตือนภัยธรรมชาติโดยตรง อาจทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนได้ ซึ่งจากการติดตามและคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา จุดแกนกลางพายุ “วิภา” ในขณะนี้มีศูนย์กลางอยู่บริเวณเมืองท้ายบิ่ญ ประเทศเวียดนาม ซึ่งมีแนวโน้มจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำตามลำดับ
ด้านข่าวปลอมอันดับ 2 เรื่อง “กยศ. หักเงินอัตโนมัติจากบัญชี SCB” กระทรวงดีอี ได้ประสานงานร่วมกับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กระทรวงการคลัง ตรวจสอบพบว่าเป็นข้อมูลเท็จ โดยขอชี้แจงว่า ตามที่มีผู้ใช้ TikTok หลายบัญชี ได้ทำการโพสต์อ้างอิงถึง กยศ. เกี่ยวกับการหักเงินในบัญชีออมทรัพย์จากธนาคาร SCB ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจาก กยศ. จะหักเงินอัตโนมัติได้เฉพาะบัญชีธนาคารกรุงไทยเท่านั้น กรณีดังกล่าวจึงเป็นการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด จึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และงดส่งต่อข้อมูลดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ดีอี มีความห่วงใยประชาชน เรื่องความตระหนักรู้เท่าทันข่าวปลอมที่ถูกแพร่กระจายบนสื่อออนไลน์ โซเชียล ซึ่งหากขาดความรู้เท่าทันส่งต่อข้อมูลข่าวปลอม ทำให้เกิดการหลงเชื่อ สร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เกิดความวิตกกังวล หรืออาจสร้างความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน หรือข้อมูลส่วนบุคคล และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง ดังนั้นจึงควรตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวหรือลิงก์เว็บไซต์ให้แน่ชัด
สามารถแจ้งเบาะแส ข่าวปลอม และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โทรสายด่วน 1111 (24 ชม.)| Line ID: @antifakenewscenter | เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com