Digitel Tech & AI

ผลศึกษาTEIชี้ManageEngineสร้าง  ROIทะลุ442%ย้ำความคุ้มค่าการลงทุน



กรุงเทพฯ-ManageEngine บริษัทในเครือ Zoho Corporation และผู้นำด้านโซลูชันบริหารจัดการไอทีสำหรับองค์กรระดับโลก ประกาศผลการศึกษา Total Economic Impact™ (TEI) ซึ่งได้มอบหมายให้ Forrester Consulting ดำเนินการเพื่อประเมินประสิทธิภาพของ Endpoint Central แพลตฟอร์มบริหารจัดการและรักษาความปลอดภัยอุปกรณ์ปลายทางแบบครบวงจร (Unified Endpoint Management and Security – UEMS) ผลการศึกษาชี้ชัดว่าองค์กรตัวแทนที่รวบรวมจากลูกค้าผู้ใช้งานจริงของ Endpoint Central สามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ได้สูงถึง 442% ภายในระยะเวลา 3 ปี และคืนทุนได้ภายในเวลาเพียง 6 เดือน

การศึกษาครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสะท้อนผลลัพธ์จริงที่องค์กรต่าง ๆ ได้รับจากการใช้งานแพลตฟอร์ม UEMS ของ ManageEngine โดยพบว่า ลูกค้าที่เข้ารับการสัมภาษณ์สามารถสร้างมูลค่าผลประโยชน์รวมกว่า 160 ล้านบาท (4.5 ล้านดอลลาร์) ภายในระยะเวลา 3 ปี พร้อมมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (Net Present Value – NPV) อยู่ที่ราว 132 ล้านบาท (3.7 ล้านดอลลาร์) ทั้งนี้ Forrester ดำเนินการศึกษาอย่างอิสระผ่านการสัมภาษณ์เชิงลึกกับลูกค้า 4 ราย และจัดทำแบบจำลองทางการเงินขององค์กรตัวแทนเพื่อประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างครอบคลุม

“ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราให้ความสำคัญกับการสร้างผลลัพธ์ที่มีคุณค่าให้กับลูกค้าผ่าน Endpoint Central และเป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นผลลัพธ์เหล่านี้สะท้อนออกมาอย่างชัดเจนในการใช้งานจริงของลูกค้า รวมถึงได้รับการยืนยันผ่านตัวเลขจากรายงาน TEI ฉบับนี้” มาธิวานัน เวนกาตาจาลัม รองประธานบริษัท ManageEngine กล่าว “ลูกค้าจำนวนมากของเราสามารถลดภาระงานด้านปฏิบัติการและงานบริหารจัดการได้อย่างมีนัยสำคัญ ด้วยการเปลี่ยนจากการใช้เครื่องมือต่างๆ จำนวนมากมาใช้ Endpoint Central เพียงแพลตฟอร์มเดียว ซึ่งนี่คือผลลัพธ์ที่เราตั้งใจออกแบบ Endpoint Central มาเพื่อให้เกิดขึ้นโดยเฉพาะ”

ประเด็นสำคัญจากรายงานการศึกษา

ในขณะที่ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) เป็นหนึ่งในผลลัพธ์หลัก Endpoint Central ยังสร้างผลกระทบเชิงบวกในระดับองค์กรอย่างรอบด้าน ทั้งในด้านประสิทธิภาพ ต้นทุน และสมรรถนะการดำเนินงาน โดยมีผลลัพธ์ที่โดดเด่นดังต่อไปนี้

  • ลดความจำเป็นในการอัปเดตแพตช์แบบแมนนวลลงได้สูงสุดถึง 95% ด้วยระบบจัดการแพตช์แบบอัตโนมัติ ส่งผลให้เกิดมูลค่าจากการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานถึงประมาณ 32 ล้านบาท (913,000 ดอลลาร์) ภายในระยะเวลา 3 ปี
  • การรวมเครื่องมือเดิม (Legacy Tools) เข้ากับระบบของ Endpoint Central ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า 36 ล้านบาท (1 ล้านดอลลาร์) ภายในระยะเวลา 3 ปี
  • ฟีเจอร์การให้บริการตนเอง (Self-Service) และการแก้ไขปัญหาระยะไกลอย่างปลอดภัย ครอบคลุมการทำงานด้านไอที ช่วยลดภาระงานของทีม Help Desk และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผู้ใช้งานปลายทางอย่างชัดเจน
  • เพิ่มความสามารถในการมองเห็นและควบคุมทรัพย์สินด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ในแบบเรียลไทม์ พร้อมทั้งช่วยจัดการเรียกคืนไลเซนส์ที่ไม่ได้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ขจัดขั้นตอนการจัดทำรายงานแบบแมนนวล ด้วยระบบวิเคราะห์และสร้างรายงานอัตโนมัติจากข้อมูลของอุปกรณ์ปลายทาง (Endpoint Analytics)

ตามผลการศึกษา Endpoint Central ยังช่วยเพิ่มศักยภาพให้ทีมไอทีในการดูแลและสนับสนุนผู้ใช้งานได้ทั่วทุกภูมิภาคและทุกรูปแบบการทำงาน ด้วยอินเทอร์เฟซและความสามารถในการบริหารจัดการแบบรวมศูนย์ ส่งผลให้องค์กรมีความเสถียรของอุปกรณ์ปลายทางสูงขึ้น และผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นจากการลดเวลาการหยุดชะงักและปัญหาการใช้งานต่าง ๆ

นอกเหนือจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานแล้ว ลูกค้ายังชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ที่เกิดขึ้นจริงในด้านความสอดคล้องตามมาตรฐาน (Compliance) การเสริมความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และการประหยัดค่าเบี้ยประกันภัยไซเบอร์อีกด้วย “อัตราการปฏิบัติตามมาตรฐานของอุปกรณ์เราเพิ่มจาก 70% เป็นมากกว่า 95% หลังจากใช้ Endpoint Central อุปกรณ์มีความเสถียรและจัดการได้ง่ายขึ้นอย่างมาก แถมยังสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านประกันภัยไซเบอร์ลงได้ด้วย เพราะระบบมีความปลอดภัยสูงขึ้น”  ผู้อำนวยการฝ่ายไอทีจากอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์กล่าวในรายงาน