In Thailand
ทำบุญครบรอบ1ปีรถไฟชนทัวร์กฐินแล้ว ชาวบ้านเปิดคลิปหวาดเสียวชี้มีอีกอื้อ
ฉะเชิงเทรา-ได้กำหนดวันทำบุญ ครบรอบ 1 ปีโศกนาฎกรรม รฟท.ชนทัวร์กฐิน 19 ศพ ที่สถานีรถไฟคลองแขวงกลั่นแล้ว ขณะชาวบ้านเปิดคลิปหวาดเสียวให้ดูเผยยังมีอีกอื้อนับสิบครั้ง ในช่วงตลอดระยะเวลาเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นลักษณะผู้ใช้เส้นทางขับประมาท ที่พยายามเร่งเครื่องยนต์พุ่งข้ามตัดหน้าขบวนรถไฟ จนทำให้ พขร.ต้องลงเบรคเพื่อหยุดทั้งขบวนแน่นิ่งคารางบ่อยครั้ง
วันที่ 22 ก.ย.64 เวลา 17.30 น. นายสันต์ เกษมสุข อายุ 63 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน ม.7 ต.บางเตย อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ได้กล่าวเปิดเผยว่า หลังจากชาวบ้านในพื้นที่ ม.7 ต.บางเตย ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของสถานีรถไฟคลองแขวงกลั่น จุดเกิดเหตุขบวนรถไฟบรรทุกตู้คอนเทรนเนอร์พุ่งชนกับรถบัสของคณะทัวร์กฐินจากโรงงานในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากถึง 19 ศพ และบาดเจ็บอีกกว่า 40 รายเมื่อวันที่ 11 ต.ค.63 ที่ผ่านมานั้น
ได้มีแนวคิดที่จะทำบุญครบรอบ 1 ปี เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิต จากเหตุโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น เพื่อให้เกิดความสบายใจขึ้นในชุมชน และยังเป็นการช่วยส่งดวงวิญญาณให้แก่ผู้วายชน ที่ยังมีชาวบ้านหลายคนเชื่อว่ายังคงหลงเหลืออยู่ในที่เกิดเหตุ หลังจากได้เคยมีผู้มาพบเห็นปรากฎการณ์ประหลาดเกิดขึ้นในบริเวณที่เกิดเหตุช่วงเวลากลางดึกบ่อยครั้งถึง 3 ราย ตามคำบอกเล่า กรณีมีผู้พบเห็นชายรูปร่างอ้วนท้วมไม่มีศีรษะเดินอยู่ในบริเวณสถานีรถไฟแห่งนี้
โดยหลังจากได้เข้าไปทำการปรึกษากับทางพระสมุสมนึก ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบางปลานัก ตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.10 ต.บางเตย ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของคณะทัวร์ทำบุญกฐินที่มาประสบอุบัติเหตุในครั้งนั้น ขณะที่กำลังจะเดินทางมุ่งหน้าไปร่วมทอดกฐิน แล้ว จึงได้กำหนดการจัดพิธีทำบุญตักบาตร แบบเล็กๆ ขึ้นภายในหมู่บ้าน โดยพิธีจะเริ่มขึ้นในเวลา 08.00 น. ของวันที่ 11 ต.ค.64 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 1 ปีเต็มของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพอดี
จากนั้นจะมีพิธีถวายสังฆทาน บังสุกุลให้แก่ผู้ที่เสียชีวิตทั้ง 19 ราย ที่บริเวณจุดเกิดเหตุข้างรางรถไฟ บริเวณสถานีรถไฟบ้านคลองแขวงกลั่น นายสันต์ ระบุ
ขณะที่นางสวิง สุขสำอาง อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39/3 ม.7 ต.บางเตย เจ้าของร้านค้าตั้งอยู่บริเวณริมทางรถไฟใกล้ที่เกิดเหตุ ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่น่าหวาดเสียวจนแทบจะเกิดอุบัติเหตุขบวนรถไฟพุ่งชนรถยนต์ที่กำลังสัญจรผ่านข้ามรางแบบซ้ำซาก ที่บริเวณจุดตัดทางข้ามแห่งนี้อีกนับสิบครั้งในห้วงระยะเวลาตลอดเกือบ 1 ปีเต็มที่ผ่านมา พร้อมยังได้นำคลิปภาพเหตุการณ์อันน่าหวาดเสียวที่สำคัญที่ตนเองได้นำมาลงเผยแพร่ไว้บนสื่อสังคมออนไลน์มาเปิดให้แก่ผู้สื่อข่าวดู
พร้อมกับยังระบุด้วยว่า เหตุการณ์หวาดเสียวที่เกือบจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นซ้ำซาก ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากผู้ใช้เส้นทางผ่านเอง ที่ขับรถข้ามขึ้นไปตัดหน้าขบวนรถไฟ โดยที่ไม่ได้หยุดรถเพื่อรอดูขบวนรถไฟก่อนว่า กำลังจะมีขบวนรถมุ่งหน้าเข้ามาหาหรือไม่ และยังมีบางรายที่คนขับรถยนต์ข้ามทางรถไฟ ยังได้เร่งเครื่องยนต์เพื่อที่จะเร่งรีบขับพุ่งข้ามตัดหน้าขบวนรถไฟไป เนื่องจากอาจจะเห็นว่าขบวนรถไฟยังอยู่ไกล
แต่บ่อยครั้งที่เกือบจะข้ามไปได้ไม่พ้น จึงทำให้ พขร.บนขบวนรถ ต้องลงเบรคเพื่อหยุดขบวนพร้อมเปิดหวีด ส่งสัญญาณแตรให้สัญญาณเป็นเสียงยาวดังลั่นไปทั่วบริเวณ ก่อนที่ขบวนรถไฟจะหยุดนิ่งลงระหว่างที่กำลังไถลไปตามน้ำหนักของตัวรถบนรางอีกยาวไกล กว่าขบวนจะหยุดนิ่งได้ ทำให้บางคนที่เห็นเหตุการณ์โดยตลอด รวมถึงเจ้าหน้าที่บนขบวนรถไฟเอง ยังได้ส่งเสียงร้องด่าตามหลังคนขับรถยนต์ ที่พุ่งข้ามตัดหน้าขบวนรถไฟไปจนเสียงดังลั่น
ซึ่งเหตุการณ์คนใช้ทางข้าม ขับรถตัดหน้าขบวนรถไฟในทำนองนี้ เกิดขึ้นบ่อยครั้งแบบซ้ำๆ เท่าที่ตนได้ทำการบันทึกไว้ถึงเกือบสิบครั้ง โดยมีหลายครั้งถึงกับทำให้ตนรู้สึกใจหาย เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์สลดซ้ำขึ้นอีก และบางครั้งถึงกับต้องสะดุ้งตื่นตกใจ เมื่อได้ยินเสียงขบวนรถไฟเปิดหวีดแบบยาวๆ ดังลั่น เนื่องจากมีคนขับรถข้ามตัดหน้า จนถึงขั้นทำให้ตนนอนไม่หลับ เพราะมีบ้านเรือนพักอาศัยอยู่ใกล้ จนเกือบจะติดกับทางรถไฟและจุดเกิดอุบัติเหตุซ้ำซากแห่งนี้ นางสวิง กล่าว
สนทะนาพร อินจันทร์/ฉะเชิงเทรา