In Thailand
11หน่วยงานเกี่ยวข้องป่าไม้จัดทำMOU เชิงรุกจับกุมและกล่าวโทษได้ทุกพื้นที่
ราชบุรี - ทสจ.ราชบุรี กรมอุทยานฯ กรมป่าไม้ จัดทำ MOU เชิงรุก ซึ่งถือเป็นการทำ MOU ครั้งแรกของประเทศไทย ที่ 11 หน่วยงานเกี่ยวข้องป่าไม้ สามารถจับกุม และกล่าวโทษผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับป่าไม้ได้ทุกพื้นที่
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 19 ต.ค.64 ที่อาคารราชบุรีเกมส์ ศาลากลางจ.ราชบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายรณภพ เหลืองไพโรจน์ ผวจ.ราชบุรี พร้อม พล.ต.นิธิศ เปลี่ยนปาน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 16, พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย ผบก.ภ.จว.ราชบุรี, และ พ.อ.ประยุทธ ผดุงพจน์ รองผอ.รมน.(ท.)จ.ราชบุรี ได้เป็นประธานในพิธีและร่วมเป็นสักขีพยาน ในการทำบันทึกข้อตกลง MOU ว่าด้วยการบูรณาการ ในการป้องกันและปราบปราม การกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ ในจ.ราชบุรี ระหว่าง 11 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยมี นายประทีป เหิมพยัคฆ์ ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจ.ราชบุรี, นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3(บ้านโป่ง) กรมอุทยานฯ, นายนิทรรศ เวชวินิจ ผอ.สํานักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) กรมป่าไม้ และหน่วยงานในสังกัด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในจ.ราชบุรี รวม 11 หน่วยงานหลัก ที่เข้าร่วมกันทำ MOU ว่าด้วยการบูรณาการ ในการป้องกันและปราบปราม การกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ ในจ.ราชบุรี
ทั้งนี้ตามนโยบายทส.ยกกำลังเอกซ์ ของนายวราวุธ ศิลปอาชา รมต.ว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และข้อสั่งการ ของนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามหนังสือที่ ทส.0211/ว2995 ลงวันที่ 21 ก.ย.64 ข้อ 3 ให้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทุกจังหวัด อำนวยการประสานปฏิบัติงาน ในพื้นที่จังหวัด ร่วมกับสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ สํานักจัดการทรัพยากรป่าไม้ และสำนักบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยบูรณาการร่วมกับ ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจในพื้นที่
สำหรับบันทึกข้อตกลง MOU ดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อบูรณาการ และเพิ่มประสิทธิภาพ ในการปฏิบัติงาน ในการป้องกันและปราบปราม การกระทำความผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ เชิงรุก ในจังหวัดราชบุรี แบบไร้รอยต่อ หากพบการกระทำผิดซึ่งหน้า หรือพบเห็นบุคคลมีพฤติกรรม อันควรสงสัยว่า น่าจะก่อเหตุร้าย ให้เกิดอันตรายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็ให้ดำเนินการจับกุม และกล่าวโทษ ได้ทุกพื้นที่ โดยไม่มีการแบ่งแยกว่าเป็นพื้นที่รับผิดชอบของหน่วยงานใด ส่วนของกลางที่ยึดได้จากการกระทำผิด ก็ให้ส่งมอบให้กับหน่วยงาน ผู้รับผิดชอบในพื้นที่นั้นเป็นผู้เก็บรักษาดูแล และปฏิบัติตามระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปอีกว่า นับตั้งแต่มีการแบ่งแยก กรมป่าไม้ และกรมอุทยานฯตั้งแต่ปีพ.ศ.2545 บางครั้งทำให้เกิดช่องว่างในการป้องกันและปราบปราม ในเขตรอยต่อความรับผิดชอบของกรมอุทยานฯ และกรมป่าไม้ หรือแม้กระทั่งเวลาเจ้าหนัาที่กรมอุทยานฯ หรือเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ พบการ กระทำผิดเกี่ยวกับการป่าไม้ซึ่งหน้า ที่ไม่ได้อยู่ในเขตความรับผิดชอบของตัวเอง แต่เนื่องจากกฎหมาย และประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯ และเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้ สามารถจับกุม และกล่าวโทษ ได้ทุกพื้นที่ไม่ว่าจะอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ หรือในเขตป่าสงวนแห่งชาติ หรือในเขตป่าไม้พ.ศ.2484
บันทึกข้อตกลง MOU ฉบับนี้ ก็จะทำให้เกิด ความเข้าใจในข้อกฎหมาย และความมุ่งมั่น ที่จะร่วมกันป้องกันปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ แบบไร้รอยต่อ ได้ทุกพื้นที่ โดยไม่มีการแบ่งแยกพื้นที่ดำเนินการ เพื่อประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม และความผาสุกของคนไทยทุกๆคน
สุจินต์ นฤภัย