In News
ผู้ว่าฯกทม.ดูความพร้อมรับมือปัญหาน้ำ แก้ฝุ่น-โรคRSVคลองสามวา-หนองจอก
กรุงเทพฯ-ผู้ว่าฯกทม.ลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมการรับมือปัญหาน้ำ ฝุ่น และการระบาดของโรคในพื้นที่กรุงเทพตะวันออก
(12 พ.ย.63) เวลา 08.30 น. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจความก้าวหน้างานขุดลอกคลองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำ สำหรับการเกษตรและป้องกันน้ำท่วม ตรวจการเตรียมความพร้อมรับมือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส RSV และสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในโรงเรียน และตรวจเยี่ยมความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่กรุงเทพตะวันออก โดยมี นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร สำนักการระบายน้ำ สำนักการศึกษา กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก และสถานศึกษาในพื้นที่ ร่วมให้ข้อมูล ณ พื้นที่เขตคลองสามวาต่อเนื่องถึงเขตหนองจอก
คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครได้ลงเรือบริเวณท่าน้ำวัดเสนานนท์ เขตคลองสามวา เพื่อตรวจความก้าวหน้าการขุดลอกคลองลำบ่อยาวและเยี่ยมประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวริมคลอง ระยะทางประมาณ 2 กม. ซึ่งสำนักการระบายน้ำได้ดำเนินโครงการขุดลอกคลองลำบ่อยาว จากคลองซอยที่ 9 ถึงคลองลำหินฝั่งเหนือ ความกว้าง 8-19 ม. ความยาวประมาณ 1,850 ม. ความลึกจากระดับท้องคลองเดิมถึงระดับขุดลอกเฉลี่ย 0.70 ม. และโครงการขุดลอกคลองสนามกลางลำ จากคลองซอยที่ 11 ถึงคลองลำหินฝั่งเหนือ ความกว้างประมาณ 7-26 ม. ความยาวประมาณ 2,300 ม. ลึกจากระดับท้องคลองเดิมถึงระดับขุดลอกเฉลี่ย 0.55 ม. ทั้ง 2 งานกำหนดแล้วเสร็จในเดือนพ.ย.นี้ จากนั้นคณะผู้บริหารขึ้นฝั่งที่ท่าวัดสามง่าม เขตหนองจอก เพื่อรับฟังข้อมูลสรุปการเตรียมความพร้อมรับมือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส RSV จากผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสามง่าม และลงเรือตรวจความก้าวหน้าการขุดลอกคลองสนามกลางลำ ระยะทางประมาณ 2.30 กม. ขึ้นฝั่งที่ท่าน้ำโรงเรียนสุเหร่าสนามกลางลำ เขตหนองจอก เพื่อรับฟังข้อมูลสรุปการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในโรงเรียน จากผู้อำนวยการโรงเรียนสุเหร่าสนามกลางลำ และเยี่ยมชมห้องสมุดโรงเรียนและการจัดการเรียนการสอนในระดับชั้นอนุบาล
ติดตามความก้าวหน้าการขุดลอกคลอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ การกักเก็บน้ำเพื่อการเกษตรในพื้นที่เขตหนองจอก
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 พ.ค.63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวนาในพื้นที่เขตหนองจอก และได้สั่งการให้กรุงเทพมหานครดำเนินการขุดลอกคู คลอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ เนื่องจากคลองมีสภาพตื้นเขินและระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ต่ำไม่เพียงพอต่อการทำเกษตรกรรม กรุงเทพมหานครจึงได้ดำเนินการตรวจสอบคลองที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบในพื้นที่เขตหนองจอก จำนวน 95 คลอง รวมความยาวประมาณ 242,410 ม. แบ่งเป็น คลองสายหลัก 10 คลอง ความยาวประมาณ 58,350 ม. คลองสาขา 85 คลอง ความยาวประมาณ 184,060 ม.
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การลงพื้นที่ของคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครในวันนี้เป็นการตรวจความเรียบร้อยการดำเนินการขุดลอกคลองในพื้นที่กรุงเทพตะวันออก แบ่งเป็นคลองสายหลัก 10 คลอง และคลองสาขา 85 คลอง รวม 95 คลอง ขณะนี้ได้เร่งดำเนินการคาดว่าจะเรียบร้อยทั้งหมดภายในวันที่ 27 พ.ย.63 ซึ่งคลองทั้งหมดไม่เคยได้รับการขุดลอกมาก่อน สภาพปัจจุบันจึงตื้นเขิน เรือต่างๆ ไม่สามารถสัญจรไปมาได้อย่างสะดวก ประกอบกับอาชีพหลักของประชาชนบริเวณนี้คือการทำการเกษตรกว่าร้อยละ 70 จำเป็นต้องอาศัยน้ำในคลองในการทำการเกษตรเป็นหลัก กรุงเทพมหานครจึงได้ร่วมกับนายกสมาคมชาวนาไทย ดูแลประชาชนให้ได้รับน้ำอย่างพอเพียง สำหรับข้อร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับสะพานและทางเดินบริเวณคลอง และถนนในซอยชำรุดพุพังนั้น จะเร่งปรับปรุงแก้ไขให้แล้วเสร็จก่อนเปิดเทอม ภาคเรียนที่ 2 เพื่อให้ประชาชนได้ใช้สัญจรผ่านได้อย่างสะดวกและปลอดภัย อย่างไรก็ดี จากการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาได้กำชับและสั่งการให้กรุงเทพมหานครดูแลประชาชนในฝั่งตะวันออกให้ทั่วถึง พร้อมกันนี้รัฐบาลได้สนับสนุนงบประมาณให้ ซึ่งกรุงเทพมหานครจะเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เตรียมบูรณาการทุกภาคส่วนร่วมรับมือฝุ่น PM2.5
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการดูแลป้องกันปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 นั้น คาดว่าในปีนี้จะเริ่มตั้งแต่เดือนธ.ค.เป็นต้นไป กรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงกำหนดจัดประชุมเพื่อขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 17 พ.ย.63 เพื่อรับฟังข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 อย่างเป็นรูปธรรม ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการศึกษาและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และนำมากำหนดเป็นแนวทางการป้องกันปัญหาฝุ่นที่มีประสิทธิภาพต่อไป
นอกจากนี้กรุงเทพมหานครได้เริ่มรับบริจาคแผ่นกรองอากาศ และพัดลมจากผู้มีจิตศรัทธาเพื่อนำประยุกต์เป็นเครื่องกรองฝุ่นใช้ในศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนกรุงเทพมหานคร 292 แห่ง รวมกว่า 2,500 ชั้นเรียน และดำเนินมาตรการควบคุมสถานที่ก่อสร้าง การกวดขันรถยนต์และรถบรรทุกต่างๆ ซึ่งได้ประสานกรมการขนส่ง กองบังคับการตำรวจจราจร และกองบัญชาการตำรวจนครบาลไปแล้ว เพื่อให้การป้องกันปัญหาครอบคลุมทุกมิติ และลดผลกระทบให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด
เร่งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้โรคติดเชื้อไวรัส RSV
ในช่วงการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศซึ่งส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กรุงเทพมหานครได้เตรียมความพร้อมระบบเฝ้าระวัง ติดตาม ประเมินสถานการณ์ และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไวรัส RSV โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็กอายุน้อยกว่า 5 ปี เด็กคลอดก่อนกำหนด เด็กที่มีโรคประจำตัว เช่น ปอด หัวใจ ในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยศูนย์บริการสาธารณสุขเร่งลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้และคำแนะนำเรื่องการป้องกันควบคุมโรค วิธีการดูแลตนเองเบื้องต้นแก่ประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่ที่คนอยู่รวมกันเป็นจำนวน เช่น เนอสเซอร์รี่ สถานศึกษา ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ห้างสรรพสินค้า และแคมป์ก่อสร้าง รวมทั้งได้กำหนดมาตรการป้องกันและควบคุมโรคภายในศูนย์เด็กเล็กน่าอยู่คู่นมแม่ของโรงพยาบาลในสังกัดทุกแห่ง
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวอีกว่า ในการป้องกันโรค RSV นั้น สามารถทำได้ง่ายๆ ลักษณะเดียวกับการป้องกันโรคโควิด-19 โดยให้ผู้ปกครองดูแลบุตรหลานในความดูแลให้สวมใส่หน้ากากอนามัยและล้างมือบ่อยๆ รวมทั้งเว้นระยะห่างระหว่างกัน และหากป่วยให้รีบไปพบแพทย์เพื่อป้องกันความรุนแรงของโรคที่อาจเกิดขึ้นได้