Infor Cars

มาสด้าปลื้มยอดขายCX-Seriesโต21% เล็งรถใหม่เสริมทัพ4รุ่นไตรมาสแรก



กรุงเทพฯ – ประเทศไทย – 17 มกราคม 2565 – มาสด้าเผยภาพรวมธุรกิจรถยนต์ในประเทศไทยด้วยยอดขายปี 2564 พุ่งทะลุ 35,000 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาดเกือบ 5% โดยรถยนต์นั่งมาสด้า2ยังคงครองความนิยมสูงสุด ตามด้วยรถตระกูล CX-Series ที่เพิ่งส่งลงตลาดถึง 3 รุ่นรวดในไตรมาสสุดท้ายของปี ส่งผลให้ยอดขายเดือนธันวาคมพุ่งสูงถึง 3,750 คัน โดยเฉพาะ CX-30 และCX-3 ที่มียอดขายเติบโตทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เปิดตัวแนะนำสู่ตลาดที่สำคัญมาสด้าพร้อมเดินหน้าต่อทันทีต้อนรับปีเสือเตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ครบทุกเซ็กเมนต์หวังกระตุ้นตลาดตั้งแต่ต้นปีโดยเริ่มจาก CX-3 ตามมาด้วยMazda2 และยังเตรียมเปิดตัวแนะนำมาสด้า CX-30 และต่อด้วย Mazda3 ในไตรมาสแรกนี้เตรียมยกระดับมาตรฐานและคุณภาพด้านการบริการหลังการขายให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศพร้อมตั้งเป้ายอดขายปีนี้มากกว่า 40,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 10% และครองส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า5%

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปี2564 ที่ผ่านมานับเป็นปีที่ท้าทายอย่างยิ่งต่อธุรกิจรถยนต์เนื่องจากมีทั้งปัจจัยภายนอกและภายในที่เข้ามากระทบ โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นปีและการขาดแคลนชิ้นส่วนประกอบเซมิคอนดักเตอร์ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกจึงทำให้อุตสาหกรรมหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยต้องชะลอตัวลงแต่ด้วยมาตรการช่วยเหลือต่างๆ จากทางภาครัฐ และความร่วมแรงร่วมใจกันของพี่น้องชาวไทยจึงทำให้ธุรกิจต่างๆ เริ่มค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นและเดินหน้าต่อไปได้ในช่วงปลายปีซึ่งทำให้ตัวเลขการจำหน่ายรถยนต์ที่เกิดขึ้น ลดลงเล็กน้อยตามที่ผู้เชี่ยวชาญได้คาดการณ์ไว้สำหรับตลาดรถยนต์ของประเทศไทยในปี 2564 ยอดรวมสะสมของอุตสาหกรรมอยู่ที่ประมาณ 762,000คัน (ตัวเลขประมาณการ) หรือลดลงเล็กน้อยเพียง 4%เช่นเดียวกับยอดการจำหน่ายรถยนต์มาสด้าที่เคยตั้งเป้าไว้ที่ 40,000 คันแต่เนื่องจากเกิดการระบาดของโควิด-19 ขึ้นทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยที่เกิดการล็อกดาวน์ทั้งประเทศจึงทำให้แนวโน้มและทิศทางเศรษฐกิจไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้แต่ท้ายที่สุดก็ยังสามารถคว้ายอดขายสะสมได้ถึง 35,385 คัน หรือลดลงเล็กน้อยเพียง 9.8%แต่ทั้งนี้แล้ว ก็ยังถือว่าเป็นจำนวนที่สูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียนและตลาดเกิดใหม่โดยแบ่งออกเป็นรถยนต์นั่ง จำนวน 19,799 คัน ลดลง 20.2% รถอเนกประสงค์เอสยูวี จำนวน 14,225คัน เพิ่มขึ้น 21.4% และรถปิกอัพ 1,361 คัน ลดลง 49.7 โดยยังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้ได้ที่4.6%

นายชาญชัย กล่าวเสริมว่า “การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่รวมถึงการปรับโฉมเพื่อสร้างความสดใหม่ให้กับโปรดักซ์ทั้งรถยนต์นั่งและรถอเนกประสงค์อย่างต่อเนื่องส่งผลทำให้เดือนธันวาคม 2564 มาสด้าสามารถทำยอดขายรวมได้สูงถึง 3,750 คัน(สูงสุดในรอบปีงบประมาณ 2564) โดยแบ่งออกเป็นรถอเนกประสงค์ ครอสโอเวอร์เอสยูวีมาสด้า CX-30ที่ได้รับความนิยมสูงสุดตั้งแต่เปิดตัวแนะนำสู่ตลาด ถึงแม้จะมีคู่แข่งรอบด้านก็ยังยืนหยัดอย่างแข็งแกร่งด้วยจำนวน 1,255 คัน (สร้างสถิติยอดขายสูงสุดนับตั้งแต่เปิดตัว) ตามมาด้วยรถยนต์นั่งมาสด้า2 จำนวน1,059 คัน และรุ่นที่กำลังร้อนแรงมากที่สุดหลังจากปรับโฉมที่มาพร้อมกับสีใหม่ แพลตทินั่ม ควอตซ์คือมาสด้า CX-3 จำนวน 750 คัน (ทำสถิติยอดขายสูงสุดนับตั้งแต่เปิดตัว) รถยนต์นั่งมาสด้า3 จำนวน137 คัน รถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวีที่เพิ่มทางเลือกแบบ 6 ที่นั่งในรุ่นเครื่องยนต์เบนซินที่ตอบรับความต้องการของลูกค้าที่รอคอยได้อย่างลงตัว มาสด้า CX-8 จำนวน 192 คัน และมาสด้า CX-5 จำนวน 137 คัน ส่วนรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังไฟแนนซ์เริ่มผ่อนคลายมาตรการด้านเช่าซื้อ ด้วยตัวเลขจำนวน 211 คัน และสปอร์ตเปิดประทุนMX-5 จำนวน 1 คัน”

พร้อมกันนี้ นายชาญชัย ยังได้แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยในปี2565 ว่า “มาสด้าคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมรถยนต์จะเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 5 – 10%แต่ทั้งนี้แล้วก็ขึ้นอยู่กับมาตรการส่งเสริมจากทางภาครัฐ อาทิ การส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว
และราคาสินค้าการเกษตร ที่สำคัญยังคงต้องจับตาการระบาดของโควิด-19สายพันธุ์โอมิครอนในระลอกใหม่ ว่าจะส่งผลกระทบมากน้อยแค่ไหนต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยเนื่องจากเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้แต่คาดว่าตลาดรถยนต์จะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งหลังจากไตรมาสแรกของปีนี้อันเห็นได้จากยอดขายเดือนธันวาคมที่เติบโตขึ้นซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและความต้องการของลูกค้าต่อการซื้อรถยนต์ว่ายังคงมีอยู่สำหรับมาสด้า คาดการณ์ไว้ว่าจะประสบความสำเร็จมากกว่าปีที่ผ่านมาพร้อมวางเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 10% หรือมากกว่า 40,000 คัน
และครองส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 5%

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส กล่าวเกี่ยวกับกลยุทธ์ด้านการตลาดว่าในปีที่ผ่านมาถือว่ามาสด้าประสบความสำเร็จสามารถประคับประคองธุรกิจและยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายได้ แม้ว่าจะต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆมากมาย สิ่งสำคัญคือ รถยนต์ทุกรุ่นที่เปิดตัวและปรับโฉมใหม่นั้น ลูกค้าให้การตอบรับอย่างดีเยี่ยมถึงแม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกจะไม่มีรถเก๋งหรือรถเอสยูวีลงสู้ศึกในตลาด แต่ในช่วงเดือนตุลาคมมาสด้าได้เริ่มเปิดตัวแนะนำ CX-5 และ CX-8 และตามมาด้วย CX-3 ในเดือนธันวาคมเกิดเสียงตอบรับจากลูกค้าอย่างล้นหลามต่อรถทั้งสามรุ่นดังกล่าวจึงทำให้ยอดขายเดือนธันวาคมพุ่งสูงถึง 3,750 คัน

“ด้านกลยุทธ์สำหรับปี 2565 มาสด้าจะยังคงเดินหน้าเต็มกำลังเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันและเตรียมรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่กำลังจะกลับมาเดินหน้าอีกครั้ง โดยเฉพาะการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดรถใช้แล้วผ่านโครงการ CPO หรือ Mazda Certified Pre-Owned ที่ผ่านมาตรฐานและการรับประกันคุณภาพจากมาสด้า ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าหมายเปิด 9 แห่งทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ควบคู่ไปกับให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีด้านผลิตภัณฑ์ ด้านการตลาด การขายและการบริการรวมถึงการขยายเครือข่ายผู้จำหน่าย เพื่อให้พร้อมรองรับต่อปริมาณลูกค้ามาสด้าที่เพิ่มขึ้นและสอดรับกับพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้มาสด้าจะยังคงเน้นกลยุทธ์การตลาดออนไลน์เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัลมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน” นายธีร์ กล่าวเสริมสรุปยอดจำหน่ายรถยนต์มาสด้า ประจำปี 2564 

ในปี 2564 มาสด้าเดินหน้าทำการตลาดอย่างเต็มที่ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงมากที่สุดแต่ก็ไม่สามารถหยุดความมุ่งมั่นของมาสด้าได้ โดยเริ่มจาก
 เดือนมกราคม: เปิดตัวแนะนำ มาสด้า บีที-50 ใหม่
 เดือนกุมภาพันธ์: ปรับโฉม New Mazda2 รุ่นปี 2021 Collection
 เดือนเมษายน: จัดประชุมผู้จำหน่ายผ่าน Video Conference
 เดือนมิถุนายน: เปิดศูนย์บริการแบบเร่งด่วน MAZDA FAST SERVICEที่ให้บริการตรวจเช็กตามระยะทางแบบเร่งด่วนเพียงแค่ 30 นาทีเพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการที่สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นและเพื่อบรรเทาความหนาแน่นในการเข้ามาใช้บริการที่ศูนย์บริการหลัก
 เดือนมิถุนายน: มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่นออกประกาศเกี่ยวกับแผนการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดและนโยบายการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามวิสัยทัศน์ระยะยาว Sustainable zoom-zoom2030รวมถึงแผนบริหารงานระยะกลางและนโยบายสำคัญเพื่อลดการปล่อยก๊าคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050

โดยยังคงมุ่งมั่นเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ภายในปี 2030
 เดือนสิงหาคม: สานต่อกิจกรรมเพื่อสังคม มาสด้าปันสุข ปี 2 โดยจัดตั้งตู้ “ปันสุข”บริเวณด้านหน้าโชว์รูม และจัดคาราวานช่วยเหลือลูกค้าทั่วประเทศ
 เดือนกันยายน: ให้การสนับสนุนฟุตบอล สโมสรนครราชสีมา-มาสด้า เอฟซี ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10
 เดือนกันยายน: ส่งมอบปิกอัพ บีที-50 ให้กับโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์และศูนย์ฉีดวัคซีนเพื่อใช้ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19และมอบอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ให้กับสภากาชาดไทยเพื่อส่งกำลังใจและสนับสนุนการปฏิบัติงานของทีมแพทย์ พยาบาล และสาธารณสุข
 เดือนตุลาคม: มาสด้าห่วงใยลูกค้าที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วมจัดแคมเปญด่วนพิเศษมอบส่วนลดค่าอะไหล่ 50% และส่วนลดค่าแรง 10%
 ต้นเดือนตุลาคม: เปิดตัวแนะนำ CX-5 ใหม่ กับแนวคิดใหม่ “พลังความสุข ที่เร้าใจทุกเส้นทาง”ประกาศชัดพร้อมผงาดขึ้นเป็นผู้นำตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวี

 กลางเดือนตุลาคม: เปิดตัวแนะนำ CX-8 ใหม่ รถอเนกประสงค์เอสยูวีระดับพรีเมี่ยม แบบ 3 แถว7 ที่นั่ง และ 6 ที่นั่ง
 เดือนพฤศจิกายน: เปิดตัวแนะนำ CX-3 ใหม่ เปิดสีภายนอกเทรนด์ใหม่ สีแพลตทินั่ม ควอตซ์

ทั้งหมดนี้คือการดำเนินธุรกิจของแบรนด์มาสด้า ตลอดช่วงระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาและแนวทางในการดำเนินธุรกิจในปี 2565 ซึ่งผมต้องขอขอบคุณลูกค้า พันธมิตรและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุนมาสด้ามาโดยตลอดและมาสด้าให้คำมั่นสัญญาว่าจะเดินหน้าส่งมอบรถยนต์ที่เป็นที่ต้องการของลูกค้าโดยคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นที่ตั้งตลอดไป

เพื่อเป็นการต้อนรับปีใหม่ มาสด้าได้จัดแคมเปญพิเศษ Mazda New Year Festival ช่วงเวลาดีๆกับข้อเสนอรับปีใหม่ ระหว่างวันที่ 15 – 23 มกราคม 2565 ที่โชว์รูมมาสด้า พบกับ NEW MAZDA2สีใหม่ แพลตทินั่ม ควอตซ์ พร้อมด้วยข้อเสนอมากมายให้ลูกค้าที่ต้องการออกรถใหม่ทุกรุ่นกับดอกเบี้ยต่ำสุด 0%*, ฟรีประกันภัยชั้น 1* Mazda Premium Insurance และลูกค้า 800ท่านแรกที่จองรถภายในงาน 3,000 บาท และออกรถภายในวันที่ 31 มกราคม 2565 รับฟรี SonyPortable Wireless Speaker มูลค่า 1,990 บาท**

นอกจากนี้ มาสด้ายังได้มอบข้อเสนอด้านบริการหลังการขาย ภายใต้แคมเปญ Mazda Festivalช่วงเวลาดีๆ กับข้อเสนอเพื่อดูแลรถคุณ ระหว่างวันที่ 1 – 31 มกราคม 2565 ที่ศูนย์บริการมาสด้ากับข้อเสนอ ผ่อนชำระ 0%* นานสูงสุด 10 เดือน, รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 8,000 บาท*และแลกคะแนนสะสม รับส่วนลดสูงสุด 13%* พร้อมนำมารับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30,000 บาทมาตรการ “ช้อปดี…มีคืน”