Biz news
กลุ่มปตท.ระยองส่งเสริมชุมชนเล่นกีฬาจัดฟุตบอลประเพณีมาบตาพุดครั้งที่39
ระยอง-กลุ่ม ปตท.จ.ระยอง ส่งเสริมชุมชนรักการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพด้วยกีฬา จัดงานพิธีปิด ‘การแข่งขันฟุตบอลประเพณีมาบตาพุด ครั้งที่ 39’ ด้วยความชื่นมื่น
ด้วยกลุ่ม ปตท. จังหวัดระยอง ตระหนักถึงคุณค่าการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของชุมชนชาวระยอง จึงได้จัดโครงการ ‘การแข่งขันฟุตบอลประเพณีมาบตาพุด’ มาอย่างต่อเนื่องยาวนานเป็นครั้งที่ 39 แล้ว โดยความร่วมมือของภาคีหลายฝ่ายได้แก่ กลุ่ม ปตท. จ.ระยอง อันประกอบด้วย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) เทศบาลเมืองมาบตาพุด และชุมชนในเขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด
สำหรับการแข่งขันฟุตบอลประเพณีมาบตาพุด ครั้งที่ 39 ชิงถ้วยประทาน พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ณ สนามฟุตบอล สวนสุขภาพ กลุ่ม ปตท. เพื่อชุมชน (หน้าวัดมาบตาพุด) ได้เริ่มจัดการแข่งขันมาตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา และจัดการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศขึ้นในวันที่ 22 ตุลาคม 2563 มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการร่วมสร้างสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สุขภาพจิตที่ดีให้กับชุมชน ห่างไกลยาเสพติด ส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ซึ่งในปีนี้มีการจัดการแข่งขันยาวนานกว่าทุกปีด้วยเหตุของการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้จำเป็นต้องเลื่อนการแข่งขันไประยะหนึ่ง เพื่อป้องกันการระบาดของโรคและความปลอดภัยต่อสุขภาพของนักฟุตบอลทุกคน ทั้งนี้หลังจากกลับมาแข่งขัน ทางคณะผู้จัดงานได้กำหนดมาตรการการแข่งขันอย่างเข้มงวดตามมาตรฐานของสาธารณสุขจังหวัดด้วยการวัดไข้ก่อนการแข่งขันทุกครั้ง
นายสมนึก แพงวาปี คณะกรรมการกำกับดูแลการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคม กลุ่ม ปตท. จังหวัดระยอง กล่าวว่า การที่ภาคีเครือข่ายร่วมกันจัดการแข่งขันฟุตบอลประเพณีมาบตาพุด นอกจากจะส่งเสริมให้ชุมชนรักการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี ก่อให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะแล้ว ยังส่งผลดีต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติดนำพาลูกหลานชุมชนให้ห่างไกลจากยาเสพติดด้วยการเล่นกีฬา ซึ่งในปีนี้มีชุมชนเข้าร่วมการแข่งขันเป็นจำนวนมากย่อมแสดงให้เห็นว่าชุมชนมีความสนใจในการดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ต้องการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และเป็นการเลือกใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ผ่านกิจกรรมกีฬาที่ชุมชนมีความถนัด และช่วงนี้ที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ประชาชนยิ่งต้องรักษาสุขภาพมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
ปีนี้ การจัดการแข่งขันฟุตบอลประเพณีมาบตาพุด มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นหลายอย่าง อาทิ รายการแข่งขันฟุตบอลครั้งนี้ได้รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดาพระราชทานถ้วยรางวัลชนะเลิศเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน และจัดขึ้นต่อเนื่องยาวนานเป็นครั้งที่ 39 มีชุมชนส่งทีมเข้าแข่งมากที่สุดตั้งแต่จัดการแข่งขันมาคือ 34 ทีมด้วยกัน
...และหลังจากมีการแข่งขันนานร่วม 8 เดือนเพื่อเฟ้นหาทีมชนะเลิศ ในที่สุด ‘ทีมชุมชนบ้านบน จ.ระยอง’ คว้าแชมป์ฟุตบอลประเพณีมาบตาพุด ครั้งที่ 39’ ถ้วยรางวัลชนะเลิศพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา พร้อมรับเงินรางวัล 50,000 บาท ถือเป็นการสร้างความสามัคคีภายในชุมชนผ่านกิจกรรมกีฬาฟุตบอลพร้อมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับผู้เข้าแข่งขัน รวมถึงสร้างความสุขผ่านกองเชียร์ชุมชนที่มาร่วมลุ้นกันอย่างสนุกสนานทุกแมตช์การแข่งขัน”
สำหรับทีมที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ทีมชุมตลาดมาบตาพุด คว้าเงินรางวัล 30,000 บาท ส่วนทีมที่ได้รองชนะเลิศอันดับ 2 ร่วมกัน 2 ทีม ได้แก่ ทีมชุมชนมาบข่า-สำนักอ้ายงอน และทีมชุมชนบ้านล่าง สำหรับดาวซัลโวคือ นายวีรภัทร คชสาร จากทีมชุมชนบ้านบน ซึ่งสามารถทำประตูไปได้มากที่สุดถึง 6 ประตูตลอดการแข่งขัน และทีมมรรยาทยอดเยี่ยม ได้แก่ทีมชุมชนวัดโสภณ
ในปี 2563 นอกจากการจัดการแข่งขันฟุตบอลประเพณีมาบตาพุดครั้งที่ 39 แล้ว กลุ่ม ปตท. ยังได้ร่วมการสนับสนุนโครงการวิ่ง “ก้าว เพื่อ 9 โรงพยาบาล จ.ระยอง” เพื่อจัดหาเครื่องมือทางการแพทย์และระบบการบริการเพื่อใช้ในการพัฒนาโรงพยาบาลทั้ง 9 แห่งในจ.ระยองให้สามารถจัดการบริการและดูแลประชาชนในพื้นที่ได้อย่างเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 อันมีความจำเร่งด่วนในการเตรียมพร้อมในการรักษาผู้ป่วย การสนับสนุนจัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์แก่ศูนย์บริการสาธารณสุข เทศบาลเมืองมาบตาพุด การสนับสนุนการก่อสร้างและการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ แก่ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพทางเลือก เทศบาลเมืองบ้านฉาง การสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์ดูแลผู้ป่วยติดเตียงแก่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านกระเฉท เทศบาลตำบลมาบข่าพัฒนา ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมของกลุ่ม ปตท. จ.ระยอง ที่มุ่งเน้นเรื่องสุขภาพชุมชนในทุกช่วงวัยเป็นสำคัญ เสริมสร้างความพร้อมในด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์มากขึ้นพร้อมรองรับประชาชนในพื้นที่ที่มาใช้บริการ ไม่ต้องเดินทางไกลไปรักษาที่อื่น