Health & Beauty
Drag Queenที่ปันปัน@panginaheals สร้างสุขด้วยความมั่นใจในตัวเอง
กรุงเทพฯ-..เบื่อไหม ? กับการที่ต้องตอบคำถามใครต่อใครว่าเราคือใคร เพศสภาพเป็นอะไร และสิ่งที่เราชอบคืออะไร เพียงเพราะสังคมมองว่าเรานั้นแตกต่างจากคนอื่นหรือมาตรฐานที่วางไว้ ซึ่งบรรทัดฐานของสังคมนี่เองที่ได้กดดันหลายคนให้ล้มเลิกการทำสิ่งที่ชอบ ตั้งข้อสงสัยกับตัวเองว่า สิ่งที่เราทำไม่เป็นที่ยอมรับ ต้องยอมเปลี่ยนแปลงให้เหมือนคนอื่นๆ แล้วเราควรมีวิธีคิดอย่างไรกับคำพูดของคนรอบข้าง หรือควรหันกลับมาฟังความรู้สึกของตัวเรา ทำในสิ่งที่เราต้องการได้ในที่สุด ?
Merz Aesthetics ประเทศไทย บริษัทชั้นนำระดับโลก ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องอัลเทอร่า และเวชภัณฑ์สำหรับใช้ในคลินิกเสริมความงาม เพื่อทุกความมั่นใจของคนไทย ร่วมออกค้นหาจุดเปลี่ยนของชีวิต เพื่อสร้าง Confidence to be… ดูดีมั่นใจในแบบฉบับที่เป็นตัวเอง กลับมาอีกครั้งผ่านรายการ Woody Help Me Please by Merz Aesthetics ที่พร้อมจะเป็นสื่อกลางรับฟังทุกเรื่องราวปัญหาที่มากระทบความมั่นใจ ความสุข หรือความภูมิใจในตัวคุณเอง อีกทั้งยังช่วยแบ่งปันข้อคิดให้คุณมีจิตดี กายดี ดูดีในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด สำหรับ EP ที่ 4 นี้ ทางรายการได้เรียนเชิญ เมิร์ซกูรู - ศ.นพ. วาสนภ วชิรมน หรือ คุณหมอดุ๊ก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจากโรงพยาบาลรามาธิบดี มาร่วมให้ข้อคิดผลักดันพลังบวกอีกแรง ร่วมกับ ปันปัน นาคประเสริฐ ชื่อในวงการ ‘แปนจินา ฮีลส์ (Pangina Heals)’ แดร็กควีนตัวแม่แห่งเมืองไทย ที่ก่อนจะมาเป็น ‘แปนจินา ฮีลส์ ในวันนี้ ปันปันก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องทนแรงกดดันจากสายตาคนอื่นนับไม่ถ้วน เผชิญการด่วนตัดสินจากรูปลักษณ์ และการไม่ยอมรับเรื่องเพศสภาพตั้งแต่คนในครอบครัวจนไปถึงสังคมภายนอกเพียงเพราะว่าแต่งหญิง และเป็น Drag แต่แล้วด้วยความมั่นใจและยึดมั่นในสิ่งที่ตัวเองเป็น ปันปันก็ได้ค่อยๆ ชนะใจครอบครัว สร้างมาตรฐานการยอมรับจากคนในสังคม และฝึกฝนพัฒนาทำสิ่งที่ตัวเองรักจนตัวเองประสบความสำเร็จ ได้มีโอกาสเฉิดฉายเป็นตัวแทนคนไทยบนเวทีแข่งระดับโลก RuPaul's Drag Race UK vs The World
อย่าเปลี่ยนแปลงตัวเองตามคำพูดคนอื่น
ในอดีต คนไทยยังมีความรู้ความเข้าใจเรื่องการแต่ง Drag น้อย มีภาพจำว่าคนที่เข้าร่วมรายการจะต้องมีรสนิยมทางเพศ หรือมีเพศสภาพที่เป็น LGBTQ+ แต่แท้จริงแล้ว คำว่า Drag ย่อมาจาก Dressed Resembling As a Girl หมายความว่า ไม่ว่าเพศอะไรก็สามารถแสดง Drag เป็นเพศตรงข้ามได้ แต่ด้วยภาพจำดังกล่าวนี่เอง ทำให้ทุกครั้งที่ปันปันได้แต่งตัว Drag ก็จะเผชิญกับคำถามและความท้าทายตลอดเวลาว่าเพศสภาพของปันปันคืออะไรกันแน่ ตั้งแต่คุณแม่ที่ไม่ยอมรับปันปันแต่งหญิง นานถึง 2 ปี รวมไปถึงคนภายนอกที่ตัดสินปันปันด้วยคำพูดที่รุนแรงอย่าง “ทำไมไม่ไปทำนมสักที” แต่ด้วยความชอบที่แรงกล้า ทำให้ปันปันยังคงเดินหน้าแต่ง Drag ต่อไปอย่างมั่นใจ มองว่าตัวเองไม่ควรเปลี่ยนแปลงไปตามที่สังคมขีดเส้นไว้ แต่ควรสร้างความเข้าใจ ให้คนในสังคมเปิดใจกับความหลากหลายในโลกมากกว่า ตลอดที่ผ่านมา ปันปันจึงให้ความรู้เรื่องการแต่ง Drag ว่าไม่ใช่การเปลี่ยนเพศสภาพของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นศิลปะที่ไม่จำกัดเพศ “ทุกคนไม่ว่าเป็นใคร ก็มีสิทธิ์เลือกทำอะไรก็ได้ใต้ผิวหนังของเขา โดยสิ่งที่เขาทำจะเป็นศิลปะ หรือ ชีวิตจริง ทุกคนมีสิทธิ์เลือก แต่ทุกคนไม่มีสิทธิ์ที่จะเอาคนอื่นไปใส่ในกล่องที่ตัวเองคิดแคบๆ ได้”
ปันปันให้คำแนะนำอีกว่า แม้ว่าคนในครอบครัวหรือคนอื่นจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เราชอบ ขอให้เราทำสิ่งนั้นให้ดีต่อไป จนกว่าความชอบของเราได้แสดงให้คนอื่นเห็นว่า ต่อให้แตกต่างจากขนบก็สามารถประสบความสำเร็จได้ “ถ้าเราทำอะไรบางอย่างแล้วรู้สึกสนุก ไม่ได้เบียดเบียนใคร ถึงแม้ว่าคุณพ่อคุณแม่รับไม่ได้ สักวันหนึ่งเขาก็จะรับเราได้ เพราะคุณเก่ง คุณสามารถพึ่งตัวเองได้ และเป็นคนดีในสังคม”
ให้ความสำคัญกับคนที่รักและอยากให้ของขวัญกับเรา
คนทุกคนย่อมมีคนทั้งรักและเกลียดเป็นเรื่องธรรมดา ต่อให้เราทำดีที่สุดกับทุกคนแล้วก็ตาม ปันปันก็เช่นเดียวกัน เมื่อสปอตไลท์สาดส่อง เป็นที่รู้จักวงกว้างในฐานะแดร็กควีนเมืองไทย คนที่ชื่นชมในความสามารถก็จะพ่วงมาพร้อมคนที่ไม่หวังดี ซึ่งบทเรียนสำคัญที่สอนให้ปันปันได้ทำความรู้จักนิสัยใจคอของคนรอบข้างอย่างแท้จริงก็คือ ช่วงที่ปันปันถูกกล่าวหาจากรุ่นพี่ที่สนิทกันว่าตนใช้คำพูดดูถูกนางโชว์ “มีคนคิดว่าเราเคยพูดว่า นางโชว์เดี๋ยวก็แก่ เดี๋ยวก็ตาย ไม่เหมือนแดร็ก” ทั้งๆ ที่ปันปันไม่เคยพูดเช่นนั้น
จากเหตุการณ์ดังกล่าวตามมาด้วยคอมเมนต์ด่าทอนับพัน ซึ่งนอกจากจะทำให้ปันปันรู้สึกเจ็บปวดทางอารมณ์ (mental breakdown) ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ปันปันได้เรียนรู้ถึงนิสัยใจคอของคน รับรู้ว่าเพื่อนแท้นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร “ในช่วงเวลาที่เราอยู่ต่ำสุด ทำให้รู้ว่าใครคือเพื่อน” เมื่อปันปันได้สติ ก็ค่อยๆ ใช้เวลาในการเยียวยาจิตใจ อยู่กับคนที่เชื่อในตัวเอง จากนั้นยอมรับสภาพที่เกิดขึ้นและหาทางแก้เพื่อปกป้องตัวเอง ในท้ายที่สุดแล้ว เรื่องนี้ก็สอนให้ปันปันได้รู้ว่า ในช่วงเวลาเลวร้ายที่เกิดขึ้น จะเป็นบททดสอบสำคัญว่าใครจะเป็นคนให้ “ของขวัญ” เพื่อกำลังใจ หรือให้ “ก้อนหิน” เพื่อซ้ำเติม
แก้ไขทุกข์ได้อย่างยั่งยืนผ่าน “สติ”
คุณหมอดุ๊กยังให้ข้อคิดเพิ่มเติมอีกว่าสิ่งที่คนเราเจอในแต่ละวันล้วนมีปัญหาใหม่ๆ ให้เข้ามาแก้ไม่ขาดสาย ซึ่งอาจทำให้เราหลงลืมกับเป้าหมาย หรือตัวตนที่เราเป็นอยู่ได้ สิ่งที่จะคอยยึดมั่นให้เราสามารถเผชิญหน้ากับปัญหาเหล่านั้นได้คือ “สติ” โดยอาศัยหลักธรรมพระพุทธศาสนาอย่าง “อริยสัจ 4 - ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค” เราต้องนิยามทุกข์ที่เกิดก่อนว่าทุกวันนี้ ทุกข์หลักที่เกิดขึ้นคืออะไร แล้วสาเหตุที่เกิดคืออะไร สาเหตุดังกล่าวนั้นเรามีวิธีแก้ไขไหม สามารถควบคุมได้หรือไม่ ซึ่งคุณหมอดุ๊กได้กล่าวเสริมว่า หากเราจำแนกได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรามาจากปัญหาอะไร ก็จะช่วยให้เราต่อสู้และก้าวข้ามปัญหาในอนาคตได้อย่างราบรื่น
เรามีสิทธิ์ทำอะไรกับร่างกายก็ได้ เพราะร่างกายเป็นของเรา
รายการ Drag Race ไม่เพียงแต่สอนให้ปันปันได้เรียนรู้ถึงความหลากหลายของเพศสภาพแล้ว ยังทำให้ปันปันได้เปิดรับความแตกต่างของร่างกาย และสิทธิที่คนมีเหนือร่างกายตนเอง ทำให้ต่อให้ร่างกาย หรือ รูปลักษณ์จะไม่ตรงตามกรอบมาตรฐานสังคม เราก็สามารถทำอะไรกับร่างกายกับตัวเองได้เต็มที่ ตราบใดที่เป็นร่างกายของเรา เราสามารถมีความสุข ไม่จำเป็นปล่อยความสุขเราไปแขวนกับความคิดของคนอื่น
ซึ่งปันปันเองยอมรับว่า เมื่อก่อนตนมีภาพจำเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมหรือการเสริมความงาม ว่าเป็นการทำสวยตามคนอื่น แต่พอเราได้ไปลองทำจริงๆ แล้ว ก็ทำให้ตนรู้สึกมั่นใจในการใช้ชีวิต พึงพอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น มองว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ต่างอะไรจากการดูแลตัวเอง เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง เข้าใจสิ่งที่ตัวเองต้องการ และเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จัดการกับร่างกายตนเองได้
ขณะเดียวกันทางศ.นพ.วาสนภ หรือ คุณหมอดุ๊กเสริมเรื่องการเสริมความงามว่า คนที่ตัดสินใจเสริมความงามบนใบหน้าควรทำเพื่อความสบายใจของตนเอง ไม่ใช่มาจากการคำพูดของคนอื่น ถ้าหากทำตามใจของตัวเองจริงๆ แก้ไขส่วนที่ตัวเองกังวล พอเรามั่นใจ เราก็กล้าทำสิ่งต่างๆ ในชีวิตมากขึ้น
3 ข้อที่ควรรู้เพื่อนำไปสู่ความสุขที่ตนเองต้องการ
ก่อนที่จะจบรายการ คุณหมอดุ๊กได้เพิ่มเติมสิ่งที่เราสามารถพาเราไปพบกับความสุขที่แท้จริงด้วยตัวเราเอง เราจะใช้ชีวิตโดยไม่ต้องเปรียบเทียบกับใครคนอื่น แล้วเราเป็นคนที่มีความสุขมากที่สุดบนโลกใบนี้ ด้วยเพียง 3 สิ่งดังต่อไปนี้
1. รู้จักตัวเองเป็นปัญญาที่แท้จริง หากเราเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นและทำตามคนอื่นตลอดเวลา เราก็จะไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่มาจากความชอบของตัวเองหรือไม่ ดังนั้นควรหยุดทำความรู้จักคนอื่นแล้วมารู้จักกับตัวเองก่อน หากรู้จุดหมายของตนเองแล้ว ก็จะเกิดแรงบันดาลใจ ใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างมีความหมายมากขึ้น
2. เข้าใจและยอมรับความแตกต่าง อย่าให้ความแตกต่างจากมาตรฐานสังคมเป็นอุปสรรคที่จำกัดตัวเลือกในการใช้ชีวิต ในทางกลับกัน นำความแตกต่างนั้นเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เผยความมั่นใจ กล้าทำสิ่งต่างๆ นอกกรอบ รวมไปถึงสร้างความรู้ความเข้าใจให้สังคมใหม่ ขยับขยายมาตรฐานสังคมให้กว้างและโอบรับความแตกต่างได้มากขึ้น
3. ทำสิ่งที่เราชอบให้มีคุณค่า ไม่มีเรื่องไหนที่เราชอบเป็นเรื่องไร้สาระ เพียงเราต้องให้คุณค่าและตั้งใจทำให้ดีที่สุด แล้วความชอบของเราก็จะสร้างความหมายให้คนรอบข้างได้
รับฟังเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจกับนิยาม Confidence to be…ดูดีมั่นใจฉบับเต็มของ ปันปัน @panginaheals และคุณหมอดุ๊ก กันได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=300WdqqfZoM YouTube หรือ https://www.facebook.com/WOODYTALKSHOW/videos/529935401663003/ Facebook และหากท่านอยากเสริมความงามสร้างความมั่นใจ สามารถค้นหาข้อมูลคลินิกให้บริการได้ทาง www.merzclubthailand.com และมาร่วมแชร์ประสบการณ์ที่ปลุกพลังความมั่นใจของคุณได้กับ Woody Help Me Please by Merz Aesthetics ได้ที่เฟซบุ๊ก: Woody