Health & Beauty
DIMETเพิ่มความสำเร็จร่วมลงทุน SGMP เสริมแกร่งรุกธุรกิจถุงมือทางการแพทย์
กรุงเทพฯ-DIMET (Siam) ขยายความสำเร็จร่วมลงทุน SGMP เสริมแกร่งรุกธุรกิจถุงมือทางการแพทย์รับอานิสงค์วิกฤติ COVID19 สายพันธุ์ Omicronไดเมท (สยาม) ลุ้นกำไรเทิร์นอะราวด์ปี 2565 ร่วมลงทุน 30% ในธุรกิจถุงมือทางการแพทย์ พร้อมรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก SGMP Q3 ปีนี้
ดร.วรดิศ ธนภัทร ประธานกรรมการบริหาร บมจ. ไดเมท (สยาม) เปิดเผยว่า “บริษัท ไดเมท (สยาม) จำกัด (มหาชน) เล็งเห็นว่าตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบันที่ทั่วโลกต้องเผชิญวิกฤติ COVID19 และในอนาคตยังมีแนวโน้มที่จะเกิดโรคอุบัติใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การเข้าร่วมลงทุนใน บริษัท เอสจีเอ็มพี จำกัด (SGMP) ซึ่งเป็นบริษัทรับจ้างผลิต (Original Equipment Manufacturing : OEM) ถุงมือยางอุตสาหกรรมและถุงมือยางทางการแพทย์ ผลิตทั้งถุงมือยางธรรมชาติ (Natural Rubber Glove: NR) และถุงมือไนไตรล์ (Nitrile Glove) น้ำยางสังเคราะห์ที่ให้คุณสมบัติแข็งแรงทนต่อการฉีกขาด ทนต่อการเจาะทะลุและสารเคมี โดยได้รับใบรับรองคุณภาพการผลิตทั้งในและต่างประเทศ มีสำนักงานและโรงงาน เนื้อที่ 67 ไร่ ตั้งในอำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา ซึ่งใกล้แหล่งน้ำยางธรรมชาติ และใกล้ท่าเรือน้ำลึกของจังหวัดสงขลา เพิ่มความสะดวกในการขนส่งสินค้าไปยังกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ เช่น ประเทศในทวีปยุโรป ละตินอเมริกา สหรัฐอเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย จึงเห็นโอกาสการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจผลิตถุงมือยาง โดยในปี 2561 มีรายได้จำนวน 952.52 ล้านบาท กำไรสุทธิจำนวน 2.06 ล้านบาท ในปี 2562 จำนวน 591.07 ล้านบาท กำไรสุทธิจำนวน 31.40 ล้านบาท ปี 2563 มีรายได้จำนวน 481.50 ล้านบาท กำไรสุทธิจำนวน 131.20 ล้านบาท และ ปี 2564 มีรายได้จำนวน 1,741.46 ล้าน กำไรสุทธิจำนวน 543.86 ล้านบาท แม้ว่าตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2562 จนถึงพฤษภาคม ปี 2563 ไม่สามารถผลิตและจำหน่ายได้ตามปกติด้วยเกิดเพลิงไหม้ ส่งผลให้ SGMP ต้องลดกำลังการผลิตและลงทุนเครื่องจักรการผลิตเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า ส่งผลให้ตลาดมีความต้องการถุงมือยางโดยเฉพาะสำหรับทางการแพทย์เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก แม้การผลิตถุงมือยางอุตสาหกรรมจะเป็นสินค้าหลักของ SGMP ก็ตาม ด้วยเหตุนี้จึงเป็นก้าวสำคัญและเป็นประโยชน์แก่บริษัทฯ ในการขยายขอบเขตของธุรกิจให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ลดความเสี่ยง และเพิ่มขีดความสามารถการสร้างผลประกอบการที่ดีให้แก่บริษัทฯ ” ดร.วรดิศ กล่าวโดยสรุป
นายพิชัย ชัยณรงค์โลกา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและการบัญชี กล่าวเพิ่มเติมว่า “ บริษัทฯ ได้รับมติอนุมัติจากผู้ถือหุ้นให้เข้าร่วมลงทุนซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท เอสจีเอ็มพี จำกัด (“SGMP”) จากบริษัท โกลด์ ไดนามิก โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นนิติบุคคลสัญชาติฮ่องกง ถือหุ้นโดย นาย เหอ จือ หวง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการ บมจ. ไดเมท (สยาม) จำนวน 6,150,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท ในราคาหุ้นละ 60.439 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 371,700,000 บาท แบ่งเป็น หุ้นสามัญจำนวน 6,000,000 หุ้น และ หุ้นบุริมสิทธิจำนวน 150,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 30 ของหุ้นทั้งหมด ทั้งนี้บริษัทฯ จะชำระค่าหุ้น SGMP เป็นการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ในลักษณะการเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) แทนการชำระด้วยเงินสด (Payment in kind) ส่วนหนึ่ง โดยสำนักงาน ก.ล.ต. ได้อนุมัติการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวฯ จำนวนไม่เกิน 423,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาเสนอขาย 0.59 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 249,570,000 บาท ให้แก่ผู้ขายหุ้น SGMP เพื่อใช้ชำระเป็นค่าตอบแทนสำหรับการซื้อและรับโอนหุ้น SGMP จากผู้ขาย คิดเป็นร้อยละ 17.35 ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท (คำนวณจากจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเข้าทำธุรกรรมการซื้อหุ้น SGMP) โดยมีอัตราแลกเปลี่ยนหุ้น (Share Swap Ratio) เท่ากับ 1 หุ้น ของ SGMP ต่อ 102.439 หุ้นใหม่ของบริษัทฯ (เศษของหุ้นให้ปัดทิ้ง) และชำระด้วยเงินสดจำนวน 122,130,000 บาท จากเงินสดจากการเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลจำกัดเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ภายหลังบริษัทฯ เข้าลงทุนใน SGMP ส่งผลให้บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จำนวน 211,500,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 1,438,140,413 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 1,649,640,413 บาท โดยการออกหุ้นสามัญจำนวน 423,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และคาดว่าจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก SGMP ได้ตั้งแต่ Q3 ปี 2565 เป็นต้นไป” นายพิชัย กล่าวในที่สุด