In News

'จุรินทร์'มั่นใจส่งออกข้าวตามเป้า7ล.ตัน เผย7เดือน58%ชูข้าวพันธุ์ใหม่ให้เกษตรกร



กรุงเทพฯ-จุรินทร์มั่นใจ ส่งออกข้าวตามเป้าสิ้นปี 7 ล้านตัน 7เดือนเพิ่ม 58% เดินหน้ายุทธศาสตร์ข้าว ได้ข้าวพันธุ์ใหม่คุณภาพเยี่ยมแล้ว 6 สายพันธุ์ เตรียมขยายสู่มือเกษตรกร

วันนี้ (3 สิงหาคม 2565) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้ความมั่นใจว่าแนวโน้มการส่งออกข้าวไทยในปีนี้ จะเป็นไปตามเป้าที่ 7 ล้านตัน ซึ่งจากสถิติกรมศุลกากรและใบอนุญาตส่งออกข้าวของกรมการค้าต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 21 ก.ค. 2565 ไทยส่งออกข้าวปริมาณ 3.99 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 2,106 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 70,340 ล้านบาท) ปริมาณและมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 58.28 และร้อยละ 34.16 ตามลำดับ ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ร่วมกันขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ข้าวไทย ปี 2563-2567 ซึ่งมีความก้าวหน้าอย่างมาก ทั้งเรื่องการพัฒนาสายพันธุ์ที่ตรงความต้องการตลาด รสชาติ และความเหมาะสมต่อสภาพแวดล้อม ตลอดจนการทำการตลาดเชิงรุกทั้งในตลาดเก่าและตลาดใหม่

สำหรับความก้าวหน้าของการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ข้าวไทย มี 3 ประเด็น หลักคือ คือ

 1) การพัฒนาพันธุ์ข้าว เป้าหมายต้องได้พันธุ์ข้าวใหม่ 12 พันธุ์ ภายใน 5 ปี ซึ่งได้มีการจัดโครงการประกวดข้าวพันธุ์ใหม่เพื่อการพาณิชย์ ครั้งที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา 2565 ได้ข้าวพันธุ์ใหม่ 6 สายพันธุ์ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งดำเนินการขอรับรองพันธุ์พืชและขึ้นทะเบียนพันธุ์ข้าวให้เรียบร้อยก่อนเข้าสู่กระบวนการอื่นๆ ตามขั้นตอนต่อไป

 2) การจัดประกวดข้าวพันธุ์ใหม่เพื่อการพาณิชย์ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2565 ซึ่งได้ปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมโครงการฯ ไปแล้ว เมื่อ 15 กรกฎาคม 2565 โดยกระทรวงเกษตรฯ ดำเนินการตามขั้นตอนการประกวดในส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิ การตรวจสอบประวัติพันธุกรรม การกำหนดรหัสตัวอย่างพันธุ์ข้าวที่ผ่านการตรวจสอบ การกระจายตัวอย่างพันธุ์ข้าวไปยังแปลงนาทดลองเพื่อลงเพาะกล้าข้าว เป็นต้น และ

3) การเพิ่มจำนวนหน่วยตรวจสอบเอกลักษณ์พันธุกรรม (DNA) ข้าวหอมมะลิไทย เพื่อเปิดให้บริการตรวจสอบ DNA ข้าวหอมมะลิไทยในเชิงพาณิชย์ เป็นการลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งตัวอย่างของผู้ประกอบการ ซึ่งกรมการข้าวอยู่ระหว่างพิจารณาและจะเร่งดำเนินการ

มากไปกว่านั้น รองนายกจุรินทร์ ยังได้ติดตามเรื่องการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศผู้นำเข้าข้าวรายสำคัญของไทย ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมาโดยตลอด มีกิจกรรมส่งเสริมการขายในหลายประเทศ อาทิ จัดกิจกรรมร่วมกับเครือข่ายห้างสรรพสินค้าและไฮเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ สาธิตการทำอาหารจากข้าวไทยร่วมกับร้านอาหาร Thai Select จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับแพลตฟอร์มออนไลน์ ล่าสุดจัดที่ประเทศมาเลเซียได้รับความสนใจอย่างมาก คาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 จะมีความต้องการนำเข้าข้าวไทยสูงขึ้นอย่างแน่นอน และในระยะต่อไปกรมฯ จะหารือกับฟิลิปปินส์และสิงคโปร์ และภูมิภาคอื่น เพื่อขยายส่วนแบ่งในตลาดเป้าหมายของข้าวไทย

ปลื้ม!ส่งออก พ.ค.65 +10.5% เผย 5 เดือนแรกปีนี้โต 12.9% ทำเงินเข้าประเทศแตะ 4 ล้านล้านบาท พร้อมส่งออกชายแดน 5 เดือนแรกโต 17.2% ทำเงินกว่า 2.67 แสนล้านบาท

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยและการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน เดือนพฤษภาคมและ 5 เดือนแรกของปี 2565 ผ่านระบบซูม ที่ห้องกิติยากรวรลักษณ์ ชั้น 4 ตึกสำนักงานปลัด กระทรวงพาณิชย์

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตัวเลขการส่งออกเดือนพ.ค.65 เพิ่มขึ้น 10.5% มูลค่า 854,372 ล้านบาท และการส่งออกในภาพรวม 5 เดือนแรก ม.ค.-พ.ค. +12.9% มูลค่า 4,037,962 ล้านบาท 5 เดือนแรก การส่งออก +12.9% แตะ 4 ล้านล้านบาท

สินค้าสำคัญ 3 หมวด ประกอบด้วยสินค้าเกษตร สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรและหมวดสินค้าอุตสาหกรรม

หมวดสินค้าเกษตร พ.ค. 65 + 3 เดือนต่อเนื่อง +21.5% มูลค่า 106,082 ล้านบาท สินค้าสำคัญ เช่น 1.ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง พ.ค.65 + 81.4% ตลาดสำคัญ เช่น จีน อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ไต้หวันและเกาหลีใต้ และ 5 เดือนแรก 65 + 27.3% มีส่วนสำคัญช่วยดึงราคามันสำปะหลังของเกษตรกรให้สูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ราคามันสำปะหลังที่เกษตรกรขายได้หัวมันสดเชื้อแป้ง 25% กิโลกรัมละ 3 บาทกว่า ซึ่งสูงกว่าหลายปีที่ผ่านมา 2.ผลไม้สด พ.ค.65 + 28.7% ตลาดสำคัญเช่น จีน มาเลเซีย ไต้หวัน อินโดนีเซียและเมียนมา มังคุดสดเป็นดาวรุ่ง พ.ค.65 + 566.1% 5 เดือนแรก +488.3% สับปะรดสด พ.ค.65 + 410% ตลาดใหญ่คือ มาเลเซีย จีนและซาอุดีอาระเบีย 5 เดือนแรก 65 + 100%

ลำไยแห้ง พ.ค.65 + 214.9% มีตลาดใหม่ที่เนเธอร์แลนด์ 5 เดือนแรก +80.8% ทุเรียนสด พ.ค.65 + 11.4% มูลค่า 34,870 ล้านบาท และข้าวปีนี้คาดว่าการส่งออกจะดีกว่าปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น 4 เดือนต่อเนื่อง พ.ค.65 + 24.7% และ 5 เดือนแรก +23.2% นำเงินเข้าประเทศ 47,803 ล้านบาท ตลาดส่งออกข้าวสำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา แอฟริกาใต้ แคเมอรูน จีนและเยเมน ยางพารา พ.ค.65 + 3.9% 5 เดือนแรกปีนี้ +2.8% นำเงินเข้าประเทศ 78,971 ล้านบาท

สินค้าหมวดอุตสาหกรรมการเกษตร เป็น +15 เดือนต่อเนื่อง พ.ค.65 + 32.7% 5 เดือนแรก 65 + 27.9% ทำเงินเข้าประเทศ 322,863 ล้านบาท สินค้าที่ขยายตัวสูงได้แก่ 1.น้ำตาลทราย พ.ค.65 +171.2% 5 เดือน +151.0% 2.อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป พ.ค.65 + 32.5% 5 เดือน +10.9% ทำเงินเข้าประเทศ 51,158 ล้านบาท 3.อาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัว 33 เดือนต่อเนื่อง 5 เดือนแรก +25.4% ทำเงินเข้าประเทศ 40,721 ล้านบาท

และหมวดสินค้าอุตสาหกรรม +15 เดือนต่อเนื่อง 5 เดือนแรก +11.3% ทำเงินเข้าประเทศ 3,162,977 ล้านบาท สินค้าสำคัญ เช่น 1.เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ เดือน พ.ค. +141.3% 5 เดือนแรก +75.7% ทำเงินเข้าประเทศ 63,029 ล้านบาท 2.อัญมณีและเครื่องประดับ 5 เดือนแรก +48.3% ทำเงินเข้าประเทศ 109,478 ล้านบาท 3.เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ 5 เดือนแรก +14.9% ทำเงินเข้าประเทศ 100,115 ล้านบาท 4.เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ 5 เดือนแรก +16.8% ทำเงินเข้าประเทศ 121,142 ล้านบาท 5.ผลิตภัณฑ์ยางเดือน พ.ค.65 + 10.0% ทำเงินเข้าประเทศ 42,340 ล้านบาท และ 5 เดือนแรก -4.3% ทำเงินเข้าประเทศ 198,229 ล้านบาท 6.แผงวงจรไฟฟ้า 5 เดือนแรก +14.7% ทำเงินเข้าประเทศ 125,921 ล้านบาท

ตลาดที่ขยายตัวสูงสุด 10 อันดับแรกในเดือน พ.ค.65 ได้แก่

1.เอเชียใต้ +55.7% 2.แคนาดา +45.3% 3.ตะวันออกกลาง +37.9% 4.สหรัฐอเมริกา +29.2% 5.ลาตินอเมริกา+22.5% 6.เกาหลีใต้ +14.5% 7. CLMV +13.1% 8.สหภาพยุโรป +12.8% 9.แอฟริกา +10.2% และ 10. อาเซียน(5) +8.3%

ที่ตัวเลขการส่งออกถือว่ายังดีมาก 5 เดือนแรกขยายตัว 12.9% ทำเงินเข้าประเทศแตะ 4 ล้านล้านบาทโดยเฉพาะเดือน พ.ค. มีปัจจัยเกื้อหนุนที่ทำให้ตัวเลขส่งออกอย่างดีมาก

เช่น นโยบายส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตร อาหาร เครื่องดื่มของกระทรวงพาณิชย์ ถือว่าประสบความสำเร็จในการส่งเสริมการตลาด

1.การบริหารจัดการส่งออกผลไม้ไปยังตลาดใหญ่ที่สุดของไทยคือ ตลาดจีน ประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรม สามารถปรับรูปแบบโลจิสติกส์ ที่ประสบปัญหาในช่วงก่อนหน้านี้ คือการขนส่งทางบก เป็นการขนส่งทางเรือและทางอากาศมากขึ้น ทำให้การส่งออกผลไม้ไปจีนปีนี้มีอุปสรรคน้อยมากและประสบความสำเร็จอย่างราบรื่น ภายใต้การบริหารเชิงรุกและเชิงลึก

2.การจัดงาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2022 “The Hybrid Edition” ของไทยประสบความสำเร็จทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งเป็นงานแสดงและจำหน่ายสินค้าอาหารที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก ที่จัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ทำให้สินค้า BCG Model และ Soft Power ทำรายได้มากกว่า 60,000 ล้านบาท

3.นโยบายการเร่งรัดการใช้ประโยชน์จาก FTA และ Mini-FTA และการหารือร่วมกันแก้ปัญหาอย่างทันท่วงทีในระดับรัฐมนตรี ซึ่งตนเจรจากับหลายประเทศทั้งรัฐมนตรีการค้าลาว เวียดนาม การเจรจาระดับทูตพาณิชย์กับทางการจีนและประเทศอื่นๆที่เกี่ยวข้องเป็นต้น

และปัจจัยทางเศรษฐกิจในภาพรวม เช่น ความต้องการอาหารจากทั่วโลกที่สูงขึ้น ส่งให้ประเทศไทยส่งออกอาหารเกื้อหนุนได้มากขึ้นและภาคการผลิตทั่วโลกขยายตัวความต้องการวัตถุดิบจากประเทศไทย เพื่อใช้ในการผลิตยังดีและสุดท้ายค่าเงินบาทอ่อนค่าในช่วงหลังมีส่วนช่วยทำให้การส่งออกสามารถแข่งขันราคากับคู่แข่งในตลาดโลกได้ดีขึ้น

สำหรับการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน

การค้าชายแดน 4 ประเทศ 1.มาเลเซีย 2.กัมพูชา 3.เมียนมา 4. ลาว ในภาพรวมการค้าชายแดน พ.ค.65 ส่งออก +16.33% ทำเงินเข้าประเทศ 55,002 ล้านบาท และ 5 เดือนแรกปี 65 ส่งออก +17.24% ทำเงินเข้าประเทศ 267,052 ล้านบาท

มาเลเซีย พ.ค.ส่งออก -1.57% ทำเงินเข้าประเทศ 14,932 ล้านบาท 5 เดือนแรก +3.08% ทำเงินเข้าประเทศ 75,348 ล้านบาท ที่เป็นลบเนื่องจากการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ทำให้ขาดแคนวัตถุดิบ

เมียนมา การส่งออกเดือน พ.ค. + 23.28% ทำเงินเข้าประเทศ 13,432 ล้านบาท 5 เดือนแรก +34.25% ทำเงินเข้าประเทศ 59,986 ล้านบาท

กัมพูชา เดือน พ.ค.ส่งออกผ่านการค้าชายแดน +13.82% ทำเงินเข้าประเทศ 13,405 ล้านบาท 5 เดือน +17.76% ทำเงินเข้าประเทศ 67,503 ล้านบาท

สปป.ลาว เดือนพ.ค. +40.25% ทำเงิน 13,223 ล้านบาท 5 เดือนแรก + 21.90% ส่งออก 64,216 ล้านบาท

การค้าผ่านแดน มี 3 ประเทศสำคัญ คือ จีนเวียดนามและสิงคโปร์ ซึ่งเป็นปลายทางของการค้าผ่านแดน พ.ค. 65 -24.01% ทำเงินเข้าประเทศ 35,702 ล้านบาท 5 เดือนแรก -23.81% ทำเงินเข้าประเทศ 137,534 ล้านบาท เหตุผลสำคัญคือหันไปส่งออกทางเรือและทางอากาศมากขึ้นแทนการส่งออกข้ามแดนไปทางบก ทำให้ตัวเลขผ่านแดนผ่านเส้นทางบกลดลง แต่ไม่มีผลทำให้ตัวเลขการส่งออกในภาพรวมลดลงกลับเพิ่มขึ้น

เราสามารถแก้ปัญหาระบบการขนส่งโลจิสติกส์จากทางบกที่มีปัญหาอุปสรรค ในการข้ามด่านเพราะโควิดไปทางเรือและทางอากาศคล่องตัวขึ้น

การส่งออกผ่านแดนไปจีนเดือน พ.ค. -18.80% ทำเงินเข้าประเทศ 19,083 ล้านบาท 5 เดือนรวมกัน -24.90% ทำเงินเข้าประเทศ 56,549 ล้านบาท สิงคโปร์ ส่งออกพ.ค.-11.18% ทำเงินเข้าประเทศ 3,887 ล้านบาท 5 เดือนแรก +2.5% ทำเงิน 20,101 ล้านบาท สิงคโปร์เดือน พ.ค. ติดลบ เพราะลดการขนส่งทางบกเนื่องจากติดด่านไปส่งทางเรือมากขึ้น และช่วงหลังตู้คอนเทนเนอร์คล่องตัวขึ้นค่าระวางเรือปรับลดลง

การค้าผ่านแดนเวียดนาม พ.ค. -15.24% ทำเงินเข้าประเทศ 3,737 ล้านบาท 5 เดือนแรก

-8.27% ทำเงินเข้าประเทศ 18,438 ล้านบาท

“ภาพรวมการค้าชายแดนและผ่านแดนรวมกันเดือน พ.ค. -3.77% ทำเงินเข้าประเทศ 90,704 ล้านบาท เพราะการค้าข้ามแดนติดลบ เราขนส่งทางบกน้อยลงหันไปใช้ทางเรือและทางอากาศมากขึ้น ซึ่งยังทำให้ตัวเลขเดือนพฤษภาคมในภาพรวม + 10.5% และ 5 เดือนแรกในภาพรวมการส่งออก +12.9%” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงทิศทางการส่งออกในเดือนที่เหลือของปีนี้ นายจุรินทร์กล่าวว่า ยังคิดว่ายังเป็นบวก เพราะ 5 เดือนนี้ เป็น +12.9% ทั้งปียังน่าจะบวกได้และน่าจะเกินเป้า เพราะตั้งเป้าไว้ที่ 4-5% คิดว่าน่าจะบรรลุเป้า แต่จะเพิ่มไปมากน้อยแค่ไหนต้องประเมินรายละเอียดต่อไป ปีที่แล้วส่งออกทั้งปี 8.5 ล้านล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้าที่ 9 ล้านล้านบาท แต่ 5 เดือนทำได้ 4 ล้านล้านบาทแล้ว น่าจะเกินเป้าที่ 9 ล้านล้านบาทได้

นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวระบุว่าในห้องประชุมมีนายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และนายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เข้าร่วมด้ว