In News
หลวงพี่น้ำฝนลุยช่วยหมอ-ผู้สูงอายุเต็มที่ ยันพระเป็นขวัญกำลังใจเมื่อเกิดวิกฤต
นครปฐม-หลวงพี่น้ำฝน เดินหน้านำคณะสงฆ์ช่วยงานทีมแพทย์ พยาบาล หลังพบผู้สูงวัยต้องมาตรวจโรคในพื้นที่วัดไผ่ล้อมเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว โดยจัดกำลังพระ เจ้าหน้าที่ช่วยคัดกรองตรวจสอบหาผู้เสี่ยงติดเชื้อเข้าปะปนกับผู้กลุ่มสูงวัย จุดเสี่ยงสำคัญการแพร่ระบาดไวรัสโควิด โดยให้นิยามทุกคน พระต้องเป็นขวัญกำลังใจประชาชน ยามบ้านเมืองวิกฤติ อะไรช่วยได้ต้องทำทันที
วันนี้ 29 ธันวาคม 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่คลินิกหมอครอบครัว โรงพยาบาลนครปฐม ที่ตั้งภายในวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม มีประชาชนที่ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ที่อาศัยในพื้นเขตอำเภอเมืองนครปฐม เดินทางเข้ามารับการตรวจเลือดและรับยาจากหน่วยแพทย์ที่มาตั้งศูนย์บริการซึ่งโรงพยาบาลนครปฐม ได้ขอให้สถานที่ในการบริการทางการแพทย์ให้กับประชาชนเนื่องจากสถานที่ภายในโรงพยาบาลนครปฐมเริ่มจะไม่เพียงพอต่อการรองรับผู้ป่วยที่เริ่มจะมีมากขึ้นทุกวัน
และจากสถานการณ์ล่าสุด จังหวัดนครปฐมมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นซึ่งจนถึงตอนนี้มีผู้ติดเชื้อแล้วเกือบ 60 ราย โดยมีแนวโน้มที่จะตรวจพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งปัญหาดังกล่าว โรงพยาบาลนครปฐม ได้มีการโอนผู้ป่วย ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคความดัน เบาหวานและโรคไต ที่จะต้องได้รับการตรวจรักษาและรับยาอย่างต่อเนื่อง ให้มารับบริการที่ คลินิกหมอครอบครัว สาขาวัดไผ่ล้อม โดยหลังจากมีการประกาศหลายฉบับออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้มีการรวมตัวของประชาชน มีผู้สูงวัย และผู้ป่วยได้เดินทางมารับบริการที่วัดไผ่ล้อม จากเดิมหลายเท่าตัว ซึ่งจุดนี้เป็นการทำให้ทีมแพทย์พยาบาลและเจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลนครปฐม ต้องมีการทำงานหนักมากขึ้นประกอบกับต้องมีการจัดทำแผนในการป้องกันไวรัสโควิด-19 ในการเข้ามารับการตรวจ ส่งผลให้กำลังเจ้าหน้าที่เริ่มมีไม่เพียงพอกับการให้บริการ แม้จะเป็นเพียงช่วงเริ่มต้นของการระบาดในระลอกใหม่ ที่ยังเพิ่งเริ่มขึ้นในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ซึ่งผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มีความเกี่ยวกับผู้ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับตลาดปลาในจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งมีแรงงานพม่าและประชาชนมีการติดเชื้ออย่างรุนแรง โดยได้ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่สีแดงในขณะนี้
พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เผยว่าการระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโควิด-19 ครั้งนี้ถือว่ารุนแรงมากและมีผู้ติดเชื้อหลายคน ซึ่งตอนนี้ที่วัดไผ่ล้อม ได้อนุเคราะห์ให้เป็นสถานที่ในการดูแลรับการตรวจเลือดให้กับผู้ป่วยโรคความดัน เบาหวานและโรคไต ซึ่งตอนนี้ทางโรงพยาบาลนครปฐม มีมาตรการในการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะลดจำนวนผู้ไปเยี่ยมไข้และรับการรักษาบางอย่างที่ไม่จำเป็นเร่งด่วน ให้เข้าไปรวมตัวลดลงในอาคารสถานที่ โดยตอนนี้ทราบว่ามีผู้ป่วยที่ถูกถ่ายโอนมาที่วัดไผ่ล้อมหลายราย วันหนึ่งจากประมาณ 100 กว่าคน เพิ่มขึ้นเป็น 300 กว่าคน ซึ่งเมื่อมาดูพบว่าเจ้าหน้าที่เริ่มมีไม่เพียงพอเพราะต้องมีการวางมาตรการการคัดกรอง ตรวจวัดไข้และเข้มหาผู้เสี่ยงที่จะมีเชื้อไวรัส เข้ามาในพื้นที่ อย่างละเอียด และเป็นไปอย่างเข้มข้น
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่า ตอนนี้เมื่อเห็นว่าทางเจ้าหน้าที่และผู้ป่วยนั้นเริ่มประสบปัญหา ทางวัดไผ่ล้อมได้ระดมกำลังคณะสงฆ์และเจ้าหน้าที่วัดมาช่วยในการคัดกรองผู้ป่วยและการบริการต่างๆ ให้เกิดความสะดวกคล่องตัวมากขึ้น ทั้งการตรวจวัดไข้ การกำชับให้สวมแมส ก่อนเข้ามาในพื้นที่ การทาเจลหรือแอลกอฮอล์ โดยคณะสงฆ์ได้พร้อมใจกันปรับการใช้กิจวัตรมาช่วยประชาชนในยามที่เกิดขึ้นปัญหาในสังคมเพราะถือว่านี่คือช่วงเริ่มต้นเท่านั้น การช่วยเหลือประชาชนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากซึ่งนอกจากจะให้สถานที่แล้วพระก็มีหน้าที่ในการช่วยเหลือสังคม นั่นคืองาน สาธารณสงเคราะห์ นี่ก็เป็นอีกงานหนึ่งที่อยู่ในกิจของสงฆ์ อะไรที่ช่วยชาวบ้านได้ก็คืองานของพระเป็นสิ่งที่พระสงฆ์หากทำได้ก็ควรทำในยามบ้านเมืองไม่ปกติ
“วันนี้คณะสงฆ์พร้อมน้อมรับการให้ความช่วยเหลือประชาชน ซึ่งยามนี้กำลังใจของทีมแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ และประชาชนคือสิ่งที่สำคัญมากที่จะพาให้ผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้ อะไรที่วัด พระ ช่วยเหลือประชาชนเป็นสิ่งที่ดีที่ต้องทำ ซึ่งทางวัดก็มีการประชุมกันเพื่อที่จะทำงานให้กับประชาชนตลอดในช่วงนี้ และอาตมา ได้กำชับกับทุกคนในวัดว่า อะไรที่เป็นขวัญกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชน และบำบัดทุกข์ บำรุงสุขของพี่น้องประชาชนได้ จะต้องทำให้เกิดขึ้นยิ่งเฉพาะในยามนี้ นั่นเอง” หลวงพี่น้ำฝน กล่าวปิดท้าย