In News
จัดถกขับเคลื่อนแผนแม่บทด้านคมนาคม สนข.ชง5แนวทางลดต้นทุนโลจิสติกส์

กรุงเทพฯ-กระทรวงคมนาคมประชุมขับเคลื่อนแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ นำไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานประชุมขับเคลื่อนแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ นำไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน โดยมีผู้แทนจากกรมการขนส่งทางราง สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ เข้าร่วมการประชุม ในวันที่ 1 กันยายน 2565 ณ ห้องประชุม กระทรวงคมนาคม
คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2562 มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานเจ้าภาพในการขับเคลื่อนเป้าหมายแผนแม่บทย่อย โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ ซึ่งกระทรวงฯ ได้ดำเนินการขับเคลื่อนแผนแม่บทตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ.2561 - 2580) โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาล อันจะก่อให้เกิดเป็นพลังผลักดันและการบูรณาการร่วมกันไปสู่เป้าหมายได้ตามระยะเวลาที่กําหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติฯ สำหรับการประชุมดังกล่าวได้มีการหารือเกี่ยวกับผลการขับเคลื่อนตัวชี้วัดเป้าหมายแผนย่อยโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ ช่วงที่ 1 (พ.ศ. 2563 - 2565) และแผนการขับเคลื่อนในช่วงที่ 2 (พ.ศ. 2566 - 2570) โดยมีเป้าหมายให้ต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศไทยต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศลดลง ประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ระหว่างประเทศของประเทศไทยดีขึ้น การขนส่งสินค้าทางรางเพิ่มขึ้น และการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในเขตเมืองเพิ่มขึ้น ซึ่ง สนข. ในฐานะเจ้าภาพแผนงานบูรณาการด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ ได้กำหนดกรอบแนวทางการจัดทำแผนงานบูรณาการด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ พ.ศ.2567 ประกอบด้วย 5 แนวทาง ได้แก่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งและสิ่งอำนวยความสะดวก การยกระดับมาตรฐานและเพิ่มมูลค่าโซ่อุปทาน การพัฒนาพิธีการศุลกากร กระบวนการนำเข้า - ส่งออกที่เกี่ยวข้อง และการอำนวยความสะดวกในการขนส่งระหว่างประเทศ การพัฒนาศักยภาพ LSP และการส่งเสริมการวิจัยและการพัฒนานวัตกรรม การพัฒนาบุคลากรและการติดตามผลด้านโลจิสติกส์ เพื่อให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันผลักดันขับเคลื่อนการดำเนินงาน เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายที่กระทรวงฯ ได้รับมอบหมายตามมติคณะรัฐมนตรีต่อไป