In News

เห็นชอบงบลงทุนรัฐวิสาหกิจปีงบฯ'66 วงเงินลงทุน1.36ล.ล/เบิกจ่าย2.76แสนล.



กรุงเทพฯ-ครม เห็นชอบกรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจปีงบฯ 66 วงเงินดําเนินการ 1.36 ล้านล้านบาทและวงเงินเบิกจ่ายลงทุน 2.76 แสนล้านบาท

วันที่ 20 กันยายน 2565 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรีวันนี้ เห็นชอบกรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจําปี 2566  วงเงิน ดําเนินการ  1,363,938 ล้านบาทและวงเงินเบิกจ่ายลงทุน  276,274 ล้านบาท ประกอบด้วย (1) กรอบการลงทุนสําหรับงานตามภารกิจปกติและโครงการต่อเนื่อง วงเงินดําเนินการ  1,163,938 ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน 226,274 ล้านบาท และ (2) กรอบการลงทุนสําหรับการเพิ่มเติมระหว่างปี วงเงินดําเนินการ 200,000 ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน 50,000 ล้านบาท  และให้ สศช. ปรับวงเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจําปี 2566  ให้สอดคล้องกับผลการจัดสรรงบประมาณ ตาม พ.ร.บ. งบประมาณ ปี 2566  รวมถึงงบกลางหรืองบที่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตามหลักเกณฑ์และวิธีการงบหรือได้รับความเห็นชอบจากสำนักงบประมาณแล้ว    พร้อมมอบหมายให้สภาพัฒนาฯ (ประธานสภาพัฒนาฯ) เป็นผู้พิจารณา อนุมัติการเปลี่ยนแปลงงบลงทุนระหว่างปีในส่วนงบลงทุน เพื่อการดําเนินงาน ปกติและโครงการต่อเนื่องที่การเปลี่ยนแปลงไม่มีผลกระทบต่อสาระสําคัญ 

ครม. ยังเห็นชอบข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ระดับกระทรวง และระดับ รัฐวิสาหกิจ โดยให้กระทรวงเจ้าสังกัดและรัฐวิสาหกิจรับข้อเสนอแนะ ในส่วนที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดําเนินการ และให้รัฐวิสาหกิจ (จํานวน 44 แห่ง ภายใต้สังกัด 15 กระทรวง) รายงานผลความก้าวหน้าของการดําเนินงานและการลงทุนปี 66 ให้ สศช. ทราบ ภายในวันที่ 5 ของเดือน รวมทั้งรายงานผลการดําเนินงานตามข้อเสนอแนะ และความก้าวหน้าการดําเนินโครงการลงทุนทุกไตรมาส   พร้อมรับทราบประมาณการงบทําการประจําปี 2566   กําไรสุทธิ ประมาณ  67,692 ล้านบาท โดยมีรายได้ 1,715,119  ล้านบาท และประมาณการแนวโน้มการดําเนินงานช่วงปี 67-69  ของรัฐวิสาหกิจในเบื้องต้น การลงทุนเฉลี่ยประมาณปีละ 383,970  ล้านบาท  และผลประกอบการจะมีกําไรสุทธิเฉลี่ยประมาณปีละ 80,487 ล้านบาท 

นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย 8 ด้าน  ให้รัฐวิสาหกิจดำเนินการ ดังนี้ 
1. การเบิกจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจ   โดยให้รัฐวิสาหกิจเร่งรัดการเบิกจ่ายลงทุนให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของกรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติเบิกจ่ายลงทุน  
2. การปรับปรุงงบลงทุนระหว่างปี  โดยเฉพาะการลดกรอบวงเงินลงทุนควรเป็นผลกระทบที่เกิดจากปัจจัยภายนอกหรือปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้หรือเป็นการดำเนินการตามนโยบายเท่านั้น 
3. การทบทวนสถานะการเป็นรัฐวิสาหกิจ  ให้ กระทรวงการคลัง เร่งพิจารณาความจำเป็นของการคงสถานะองค์กรเป็นรัฐวิสาหกิจในภาวะการปัจจุบันหรืออาจปรับเปลี่ยนรูปแบบองค์กรเป็นหน่วยงานภาครัฐอื่นที่สามารถดำเนินงานได้ตามวัตถุประสงค์รวมทั้งการปรับบทบาทการดำเนินงานภารกิจให้สอดรับกับบริบทปัจจุบันให้มากขึ้น
4. แนวทางการลงทุนในระยะต่อไป ให้พิจารณาเสนอขออนุมัติงบลงทุนที่สอดคล้องกับกรอบการพัฒนาประเทศตามแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 13 และแผนพัฒนารัฐวิสาหกิจด้วย
5. การจัดตั้งและกำกับดูแลบริษัทลูกหรือบริษัทในเครือ  ซึ่งการพิจารณาการจัดตั้งบริษัทลูกหรือบริษัทในเครือ ควรพิจารณารายละเอียดข้อจำกัดของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการอย่างรอบคอบ 
6. การปรับ กระบวนการ ภาครัฐ ที่มี ผล ต่อ การ ดำเนินงาน และ การลงทุน ของ รัฐ วิสาหกิจ   เร่งรัดพิจารณาหรือดำเนินการในส่วนที่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานและการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ เช่นการตอบข้อวินิจฉัยหรือข้อหารือด้านกฎหมายให้มีความชัดเจนโดยเร็ว
7. การพัฒนาบุคลากรของรัฐวิสาหกิจ     ให้รัฐวิสาหกิจให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคลเพื่อเพิ่มขีดความสามารถและรองรับการเปลี่ยนแปลงองค์กรพิจารณาเพิ่มสัดส่วนพนักงานที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่
8. การบริหารจัดการปัจจัยเสี่ยงภายใต้ความผันผวนทางเศรษฐกิจโดยให้ติดตามสถานการณ์ความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลก เพื่อจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงในการดำเนินงานและการลงทุนรองรับได้ทันต่อสถานการณ์

นอกจากนี้ ยังได้ให้กระทรวงและรัฐวิสาหกิจ เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน การให้บริการ การลดต้นทุน การผลิตและการบริหารจัดการที่เหมาะสม ของแต่ละรัฐวิสาหกิจด้วย