In News

รัฐฯเร่งแก้'มะพร้าว-ถั่วเหลือง'ราคาตกต่ำ หาแนวร่วมและตั้งกำแพงภาษีนำเข้า72%



กรุงเทพฯ-รองโฆษกฯ นางสาวรัชดาฯ เผยรัฐบาลแสวงหาร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหามะพร้าว และถั่วเหลือง พร้อมร่วมมือผู้ประกอบการชะลอการนำเข้า เชื่อมั่นปลายปี 2565 ราคามะพร้าวในประเทศจะกลับสู่ภาวะปกติ

วันที่ 28 กันยายน 2565 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมุ่งแก้ไขปัญหาราคามะพร้าวช่วยเหลือดูแลเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบ โดยมีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ร่วมบูรณาการการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน มุ่งหวังให้ปริมาณผลผลิตมะพร้าวที่ออกสู่ตลาด และปริมาณการบริโภคในประเทศ สมดุลกับสัดส่วนปริมาณการนำเข้า เพื่อให้ไม่ส่งผลกระทบต่อราคามะพร้าวที่เกษตรกรขาย 

ทั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรมะพร้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ร่วมรับฟังปัญหาจากเกษตรชาวสวนมะพร้าวเมื่อเดือนสิงหาคม 2565 และจะเร่งดำเนินการตามมติที่ประชุมคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2565 แก้ไขปัญหาราคามะพร้าวตกต่ำ ได้แก่ 1) ผู้ประกอบการยินดีที่จะชะลอการนำเข้ามะพร้าวผลปี 2565 ช่วงที่ 2 (เดือนกันยายน – ธันวาคม 2565) รวมทั้งพร้อมให้ความร่วมมือในการชะลอการนำเข้ามะพร้าวผล กะทิสำเร็จรูป และกะทิแช่แข็ง ออกไปก่อนจนกว่าราคามะพร้าวผลภายในประเทศจะกลับสู่ภาวะปกติ 2) เห็นชอบการใช้มาตรการปกป้องพิเศษ (Special Safeguard Measure: SSG) สำหรับสินค้ามะพร้าว ปี 2565 ในกรณีที่มีการนำเข้ามะพร้าวผลแก่เกินกว่า 305,335 ตัน ผู้ประกอบการจะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นเป็นอัตราร้อยละ 72 เพื่อไม่ให้เกษตรกรได้รับผลกระทบทางด้านราคาจากการที่มีการนำเข้ามากเกินไป ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะสามารถช่วยลดมะพร้าวที่อยู่ในล้งและตามบ้านเรือนของเกษตรกรได้ และคาดว่าจะส่งผลให้ราคามะพร้าวผลแห้ง (ใหญ่) เพิ่มสูงขึ้นกลับมาเป็นผลละ 12 - 15 บาท ได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2565

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังหาแนวทางช่วยให้เกษตรกรไม่ได้รับผลกระทบจากการเปิดตลาด การบริหารการนำเข้าสินค้าเมล็ดถั่วเหลือง และสินค้าน้ำมันถั่วเหลืองและแฟรกชันของน้ำมันถั่วเหลือง มะพร้าวและมะพร้าวฝอย เนื้อมะพร้าวแห้ง และน้ำมันมะพร้าวและแฟรกชันของน้ำมันมะพร้าว 3 ปี (ปี 2566 – 2568) โดยในส่วนของการบริหารจัดการสินค้าเมล็ดถั่วเหลือง ผู้มีสิทธินำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองยินดีให้การสนับสนุนและส่งเสริมด้านการผลิต และรับซื้อเมล็ดถั่วเหลืองภายในประเทศ ในราคาตามกลไกตลาด แต่ไม่ต่ำกว่าราคาขั้นต่ำ ตามชั้นคุณภาพ ซึ่งเป็นระดับราคาที่เพิ่มขึ้นจากช่วง ปี 2563 – 2565 อีกกิโลกรัมละ 2.25 บาท รวมทั้งยินดี สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการรวบรวมผลผลิตเมล็ดถั่วเหลืองให้กับสหกรณ์การเกษตรและวิสาหกิจชุมชน เพิ่มเติมอีกในราคากิโลกรัมละละ 2 บาท เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับสหกรณ์การเกษตร/วิสาหกิจชุมชน

“รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อทุกปัญหาเกี่ยวกับสินค้าเกษตร มุ่งมั่น และแสวงหาความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ขอขอบคุณทุกผู้ประกอบการที่ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามการดำเนินนโยบายของรัฐบาลมาโดยตลอดมา ทั้งนี้ รัฐบาลเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วนนี้จะทำให้สามารถแก้ไขปัญหาผ่านทุกอุปสรรคไปด้วยกัน” นางสาวรัชดาฯ กล่าว