In News
ก.เกษตรฯขานรับนายกฯสั่งช่วยเกษตรกร ผลกระทบภัยพิบัติ/ประมงควัก200ล.เยียวยา
กรุงเทพฯ-ก.เกษตรฯ ขานรับนโยบายนายกรัฐมนตรี สั่งการหน่วยงานในสังกัดบูรณาการร่วมกันเร่งให้ความช่วยเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบให้เร็วที่สุด ด้านกรมประมงเตรียมเงินเยียวยากว่า 200 ล้านบาท
วันที่ 21 ตุลาคม 2565 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากอิทธิพลมาจากพายุอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก รวมทั้งน้ำล้นตลิ่ง ทำให้เกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย ส่งผลให้ประชาชนและพี่น้องเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตวน้ำได้รับความเดือดร้อน ผลผลิตสัตว์น้ำเกิดความเสียหาย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแสดงความห่วงใยต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ สั่งการส่วนราชการเร่งเยียวยาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
นางสาวรัชดา กล่าวว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขับเคลื่อนนโยบายตามข้องสั่งการของนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้หน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์บูรณาการร่วมกันเพื่อเร่งให้ความช่วยเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบให้เร็วที่สุด โดยที่ผ่านมาได้สั่งการให้หน่วยงานของกรมประมงในพื้นที่ระดมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือ อาทิ นำเรือตรวจเข้ามาพื้นที่ขนย้ายคนออกจากพื้นที่น้ำท่วม นำเสบียงทั้งเครื่องอุปโภคและบริโภคไปแจกจ่ายให้กับผู้ที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น รวมไปถึงจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่รับฟังปัญหาและตรวจเยี่ยมสำรวจความเสียหาย
นางสาวรัชดา กล่าวว่า จากรายงานการสำรวจความเสียหายด้านการประมง (ข้อมูล ณ วันที่ 19 ต.ค.65) พบมีพื้นที่เสียหาย 41 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา ลำปาง ลำพูน อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก ตาก เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร นครสวรรค์ อุทัยธานี นครราชสีมา ชัยภูมิ เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย มหาสารคาม ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว กาญจนบุรี ราชบุรี ระยอง และตรัง โดยพบเกษตรกรได้รับความเดือดร้อน จำนวน 21,467 ราย พื้นที่คาดว่าจะเสียหายรวมกว่า 2.7 หมื่นไร่ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายไม่น้อยกว่า 464 ล้านบาท ประมาณการวงเงินช่วยเหลือ 200 ล้านบาท ซึ่งกรมประมงจะเร่งดำเนินการสำรวจอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายและจะดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามระเบียบของกระทรวงการคลังต่อไป โดยอัตราการให้ความช่วยเหลือ มีดังนี้ 1. กุ้งก้ามกราม กุ้งทะเล หรือหอยทะเล ไร่ละ 11,780 บาท ไม่เกินรายละ 5 ไร่ 2. ปลาหรือสัตว์น้ำอื่นนอกจากข้อ 1 ที่เลี้ยงในบ่อดิน นาข้าว หรือร่องสวน (คิดเฉพาะพื้นที่เลี้ยง) ไร่ละ 4,682 บาท ไม่กินรายละ 5 ไร่ 3. สัตว์น้ำตามข้อ 1 และ 2 ที่เลี้ยงในกระชัง บ่อซีเมนต์ หรือที่เลี้ยงในลักษณะอื่นที่คล้ายคลึงกัน ตารางเมตรละ 368 บาท ไม่เกินรายละ 80 ตารางเมตร
“สำหรับผู้ประสบปัญหาต้องการความช่วยเหลือต่าง ๆ สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำหรือขอความช่วยเหลือได้ที่สำนักงานประมงอำเภอ/ สำนักงานประมงจังหวัด/ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงในพื้นที่ หรือ กองโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและกิจกรรมพิเศษ กลุ่มช่วยเหลือเกษตรกรและชาวประมง กรมประมง โทรศัพท์หมายเลข 0 2558 0218 และ 0 2561 4740” นางสาวรัชดา กล่าว