In News

รัฐฯร่วมสตาร์ทอัพไทยรุกระบบการศึกษา เปิดตัว‘คลังหน่วยกิตแห่งชาติNCBS'



กรุงเทพฯ-รัฐบาลร่วมมือกับสตาร์ทอัพไทย เดินหน้าพัฒนาระบบการศึกษาเปิดตัวโครงการ ‘คลังหน่วยกิตแห่งชาติ’ (National Credit Bank System: NCBS) เชื่อมโยงสอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

วันนี้ 22 ต.ค. 65  นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลร่วมกับสตาร์ทอัพไทย เปิดตัวโครงการ ‘คลังหน่วยกิตแห่งชาติ’ (National Credit Bank System: NCBS) ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) สอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

นโยบายสำคัญของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) คือการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ที่มุ่งให้ทรัพยากรมนุษย์ในทุกมิติและในทุกช่วงวัย สามารถได้รับการพัฒนาและยกระดับได้เต็มศักยภาพและเหมาะสม เกิดการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง และเป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต สามารถกำกับการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับตนเองได้อย่างต่อเนื่องแม้จะออกจากระบบการศึกษาแล้ว 

นางสาวรัชดา กล่าวว่า โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง รัฐบาลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับบริษัท SkillLane สตาร์ตอัพด้านการเรียนรู้ออนไลน์ของไทย ที่มาเป็นผู้พัฒนาระบบสารสนเทศเชื่อมต่อคลังหน่วยกิตของแต่ละสถาบันเข้าด้วยกัน ซึ่งจะมีการนำร่องกับ 4 มหาวิทยาลัย ได้แก่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี โดยคาดว่าภายในอีก 1-2 ปีข้างหน้า มหาวิทยาลัยทั้งรัฐและเอกชนอีกประมาณ 150 แห่ง จะเข้าสู่ระบบคลังหน่วยกิตแห่งชาติ โดยไม่จำเป็นต้องเข้าระบบทุกวิชา

โดยโครงการดังกล่าว จะให้บุคคลในทุกช่วงวัยสามารถเรียนหลักสูตรต่างๆ หรือนำประสบการณ์ทำงาน มาเทียบโอน และสะสมหน่วยกิตไว้ที่คลังหน่วยกิตแห่งชาติ แล้วนำไปขอรับปริญญาบัตรจากสถาบันอุดมศึกษาของไทยได้ โดยจะเริ่มต้นช่วงกลางปี พ.ศ. 2566 นี้ ซึ่งหน่วยกิตที่จะได้รับของแต่ละวิชาที่เรียน หรือการเทียบเคียงหน่วยกิตจากประสบการทำงาน ขึ้นอยู่กับระเบียบและกฎเกณฑ์ของมหาวิทยาลัยนั้นๆ กำหนดด้วย

“รัฐบาลดำเนินโครงการต่างๆ โดยมุ่งเปิดโอกาสให้ทุกคนในสังคมได้สามารถเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะในด้านการศึกษาที่มุ่งหวังให้สังคมไทยมีวัฒนธรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างยั่งยืน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ในปัจจุบันที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จำเป็นต้องพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็ต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับความต้องการที่เปลี่ยนไป จึงได้เกิดโครงการนี้ขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้าถึงวิชาและหลักสูตรต่างๆ จากหลากหลายแหล่งเรียนรู้” นางสาวรัชดา กล่าว