In News

นายกชมผลงานวิจัยนวัตกรรมการเกษตร กำจัดศัตรูพืชหนุนสินค้าเกษตรปลอดภัย



กรุงเทพฯ-นายกฯ เยี่ยมชมความสำเร็จผลงานวิจัยนวัตกรรมทางการเกษตรในการกำจัดศัตรูพืช ตามนโยบายรัฐบาล ส่งเสริมขยายตลาดบริโภคสินค้าเกษตรปลอดภัย เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ย้ำให้ขยายผลการดำเนินการสู่เกษตรกรให้มากขึ้น

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่า วันนี้ (25 ตุลาคม 2565) เวลา 08.30 น. ณ บริเวณโถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  และผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าพบ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อแสดงนิทรรศการ “นวัตกรรมปุ๋ยและการกำจัดศัตรูพืช เพื่อความปลอดภัยของประชาชน” โดยมีนายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร นำเยี่ยมชม และกลุ่มตัวแทนเกษตรที่ประสบสำเร็จจากการใช้ชีวภัณฑ์จัดการศัตรูพืช ร่วมนำเสนอผลการดำเนินการ ซึ่งทำให้สามารถลดต้นทุนการผลิต ลดแรงงาน และเพิ่มผลผลิตที่มีคุณภาพและปลอดภัยสำหรับผู้ผลิตและผู้บริโภค 

นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมผลสำเร็จของผลงานวิจัยนวัตกรรมทางการเกษตรในการกำจัดศัตรูพืช โดยกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขับเคลื่อนจนเกิดผลสำเร็จได้ผลงานวิจัยด้านชีวภัณฑ์กำจัดศัตรูพืชที่เป็นประโยชน์ต่อการผลิตพืช และมีความปลอดภัยต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค โดยควบคุมการใช้สารเคมีการเกษตรที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ชีวภาพทดแทนสารเคมีเกษตรให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งใช้สารเคมีทางการเกษตรอย่างเหมาะสมตามหลักวิชาการ เพื่อลดผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เพื่อผลิตอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคทั้งในประเทศและส่งออก

สำหรับผลการดำเนินการด้านชีวภัณฑ์ต่าง ๆ ของกรมวิชาการเกษตรและของบริษัทที่มาขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตร ในการควบคุมศัตรูพืช (วัชพืช แมลง โรคพืช) ได้แก่

1) กลุ่มควบคุมวัชพืช  สารสกัดจากยูคาลิปตัส ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้ขึ้นทะเบียนสารสกัดจากยูคาลิปตัสเป็นสารกำจัดวัชพืชประเภทใบแคบ เช่น หญ้าขจรจบดอกเล็ก หญ้าตีนนก และวัชพืชประเภทใบกว้าง เช่น บาหยา และสาบม่วง และวัชพืชประเภทกก เช่น กกตุ้มหู และยังมี สารสกัดแมงลักป่า ซึ่งเป็นผลงานของสำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช และกองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร โดยได้ต้นแบบผลิตภัณฑ์เป็นสูตรสารละลายน้ำมันเข้มข้น 2 สูตร

2) กลุ่มควบคุมแมลงศัตรูพืช ได้แก่ ราเขียวเมตาไรเซียม ป้องกันกำจัดด้วงแรดซึ่งเป็นศัตรูสำคัญในมะพร้าวและพืชตระกูลปาล์ม และด้วงหนวดยาวศัตรูสำคัญในอ้อย ไส้เดือนฝอยศัตรูแมลง ใช้ควบคุมแมลงศัตรูพืชได้หลายชนิด เชื้อแบคทีเรียบีที ใช้ในการควบคุมหนอนผีเสื้อศัตรูพืช ไวรัสเอ็นพีวี ใช้ควบคุมหนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้หอม และหนอนเจาะสมอฝ้าย นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์สารกำจัดแมลงศัตรูพืชจากสารสกัดพืช รูปแบบใหม่ 2 ชนิด เป็นผลิตภัณฑ์สูตรผสม สะเดา+หางไหล และ ว่านน้ำ+หางไหล ด้วยนวัตกรรมการผลิตแบบนาโนเทคโนโลยี โดยพัฒนาระบบนำส่งสารออกฤทธิ์ที่สำคัญให้มีอนุภาคขนาดเล็กมากในระดับนาโน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแทรกซึมเข้าสู่ตัวแมลงศัตรูพืชเป้าหมาย และกระจายตัวเข้าสู่ในใบพืชได้ดียิ่งขึ้น สามารถออกฤทธิ์ในการควบคุมหนอนใยผักที่เป็นแมลงศัตรูสำคัญที่ทำความเสียหายกับคะน้าและพืชตระกูลกะหล่ำ

3) กลุ่มที่ควบคุมเชื้อสาเหตุโรคพืช ได้แก่ เชื้อแบคทีเรียบีเอส ใช้ควบคุมโรคแอนแทรคโนส ในพริก มะม่วง โรคใบจุดพืชตระกูลกะหล่ำ และโรคเหี่ยว เชื้อราไตรโคเดอร์มา ใช้ควบคุมโรคตายพรายของกล้วย   และเห็ดเรืองแสงสิรินรัศมี ใช้ควบคุมไส้เดือนฝอยรากปมในแหล่งปลูกพริก มันฝรั่ง และฝรั่ง

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้เยี่ยมชมงานวิจัยปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์-ทู สำหรับข้าว ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตให้เกษตรกร ทั้งนี้ จากการวิจัยในแปลงเกษตรกรพบว่าการใช้ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์-ทูร่วมกับปุ๋ยเคมีอัตราแนะนำตามค่าวิเคราะห์ดิน และใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวเพียง 15 กิโลกรัมต่อไร่ สามารถลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรลดลงได้ 771 บาทต่อไร่ คิดเป็นร้อยละ 52.2 เมื่อเทียบกับวิธีเกษตรกร โดยให้ผลผลิตข้าวไม่แตกต่างกัน ซึ่งลดต้นทุนค่าปุ๋ยได้ 547 บาท และค่าเมล็ดพันธุ์ได้ 187 บาท ปัจจุบันมีบริษัทเอกชนขอเข้ารับการอบรม ถ่ายทอดเทคโนโลยี และขอรับสิทธิ์เพื่อช่วยเหลือกรมวิชาการเกษตรในการผลิต จำนวน 13 บริษัท รวม 23 สัญญา พร้อมกันนี้ กรมวิชาการเกษตรได้จัดทำแผนการออกใบอนุญาตนำเข้าวัตถุอันตรายไกลโฟเซต ในปี 2565 และปี 2566 โดยตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 - ปัจจุบัน ได้ออกใบอนุญาตนําเข้าวัตถุอันตรายไกลโฟเซต จํานวน 23,044.70 ตัน จากข้อมูลการนำเข้าไกลโฟเซตจนถึง วันที่ 30 กันยายน 2565 พบว่า ผู้ประกอบการมีการนําเข้าวัตถุอันตรายไกลโฟเซตแล้ว จํานวน 17,785.92 ตัน ยังไม่ได้นำเข้าประมาณ 5,258.78 ตัน ในปี 2566 มีการจัดทำแผนการอนุญาตให้นำเข้าไกลโฟเซตตามที่กฏหมายกำหนด จำนวน 29,333.64 ตัน 

“นายกรัฐมนตรีชื่นชมผลการดำเนินการในความสำเร็จของผลงานวิจัยนวัตกรรมทางการเกษตรในการกำจัดศัตรูพืช โดยเน้นย้ำให้มีการเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับทางเลือกการจัดการวัชพืช การใช้แรงงานการใช้เครื่องจักรกล และการใช้หลายวิธีผสมกัน ตลอดจนค่าใช้จ่ายในการจัดการศัตรูพืชเฉลี่ยต่อไร่ของแต่ละวิธี เพื่อเป็นแนวทางให้เกษตรกรใช้เป็นวิธีการจัดการวัชพืชได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้ ผู้บริโภคและสภาพแวดล้อม เป็นทางเลือกให้เกษตรกรผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย ลดปัญหาสารพิษตกค้างในผลผลิตเกษตรและสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงสนับสนุนส่งเสริมขยายผลการดำเนินการไปสู่เกษตรกรในพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์และเกษตรปลอดภัยตามนโยบายของรัฐบาล” นายอนุชาฯ กล่าว

ทั้งนี้ นิทรรศการผลงานวิจัยนวัตกรรมทางการเกษตรในการกำจัดศัตรูพืช เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ชูนโยบาย 3 S แสดงผลสำเร็จ ลด เลิก ใช้สารเคมี โดยใช้นวัตกรรมปุ๋ยชีวภาพ และการกำจัดศัตรูพืชด้วยสารสกัดจากพืชและชีวภัณฑ์ สนับสนุน ส่งเสริมการผลิตระบบเกษตรอินทรีย์ และเกษตรปลอดภัย (GAP) ตามนโยบายรัฐบาล เพื่อการประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานขับเคลื่อนชีวภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช วัชพืชและนวัตกรรม เพื่อการเกษตรที่สามารถนำไปต่อยอดในภาคอุตสาหกรรม และขยายช่องทางการตลาดของชีวภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช ตลอดจนการสร้างความตระหนักรู้ของผู้ผลิตและผู้บริโภคถึงความสำคัญของเกษตรปลอดภัยและส่งเสริมด้านการขยายตลาดบริโภคสินค้าเกษตรปลอดภัย ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ตามยุทธศาสตร์ด้านการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน การสนับสนุนการผลิตอาหารที่ปลอดภัยต่อเกษตรกร ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม โดยวิจัยและพัฒนาสารสกัดธรรมชาติ ชีวภัณฑ์ เครื่องจักรกลทางการเกษตร ปุ๋ยชีวภาพ การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ มาใช้สนับสนุนเป็นปัจจัยการผลิตทางการเกษตรที่มีความปลอดภัยและสามารถผลิตใช้ได้เองภายในประเทศ