In Thailand
เจ้าของตึกพาณิชย์หน้าวัดทดแปดริ้วเซ็ง! ต่างชาติตอกเข็มจนตึกร้าวขายไม่ออก
ฉะเชิงเทรา-ยัวะ ร้องหลายหน่วยงานมานานกว่า 4 เดือนยังไม่มีความคืบหน้า หลังบริษัทต่างชาติตอกเสาเข็มสร้างโกดังจนอาคารข้างเคียงแตกร้าวไปทั่วทั้งบาง ด้านผู้รับเหมายื้อส่อเบี้ยวความรับผิดชอบยังไม่เข้ามาดำเนินการซ่อมแซมเยียวยาตามข้อตกลงไกล่เกลี่ยก่อนหน้า ทำเจ้าของอาคารพาณิชย์ทำใจเผยเสียโอกาสทางธุรกิจสูญรายได้ไปปีละเฉียด 1 ล้านบาท สุดท้ายยอมขึ้นป้ายขายตึกทิ้งหนีปัญหา
วันที่ 25 ต.ค.65 เวลา 16.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณด้านหน้าอาคารพาณิชย์ขนาด 3 ชั้นรวม 18 คูหาริมถนนสาย 304 ฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี ซึ่งเป็นชุมชนบริเวณปากทางเข้าวัดทดราษฎร์เจริญมณีฤทธิ์ พื้นที่ ม.5 ต.คลองนา อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ชาวบ้านผู้ได้รับความเดือดร้อนจากกรณี บริษัทต่างชาติได้ทำการตอกเสาเข็มขนาดความยาว 12 เมตรความลึก 2 ชั้นของช่วงเสาเข็มรวม 24 เมตร จำนวน 387 ต้น และยังระดมตอกด้วยปั้นจั่นคู่กันถึง 2 ตัว จนทำให้อาคารที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ข้างเคียงด้านหน้าริมถนนได้รับความเสียหาย เกิดการแตกร้าวไปทั่วเกือบทุกคูหา ตั้งแต่เมื่อช่วงเดือน มิ.ย.65 ที่ผ่านมานั้น
โดยมีบางรายได้ทำการขึ้นป้ายเพื่อที่จะขายตึกทิ้ง ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ที่ได้รับความเสียหายรวม 4 คูหา เพื่อหนีปัญหาที่เกิดขึ้นและยังไม่ได้รับการแก้ไข หลังจากที่กลุ่มชาวบ้านได้เคยรวมตัวกันเข้าร้องเรียนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นต่อทาง อบต.คลองนา และศูนย์ดำรงธรรม จ.ฉะเชิงเทรา ตั้งแต่ในช่วงที่กำลังมีการตอกเสาเข็ม แต่ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข โดยที่ทางผู้รับเหมาและผู้ควบคุมงานก่อสร้าง มีท่าทีในลักษณะบ่ายเบี่ยงปัดความรับผิดชอบ และยังไม่ได้มีการเข้ามาดำเนินการตามข้อตกลงไกล่เกลี่ย ที่ได้เคยรับปากไว้ต่อทางหน่วยงานราชการและชาวบ้านในครั้งนั้น จนเวลาผ่านมานานถึงบกว่า 4 เดือนเต็มแล้วก็ตาม
โดยนางพัทธ์ยมล สื่อสวัสดิ์วณิชย์ อายุ 54 ปี เจ้าของอาคารพาณิชย์เลขที่ 90/1-4 รวม 4 คูหา กล่าวว่า ตนเองลงทุนซื้อตึกอาคารพาณิชย์แห่งนี้มาตั้งแต่เริ่มมีการก่อสร้างและเปิดให้จองซื้อ เมื่อประมาณ 8 ปีที่ผ่านมา และตัวอาคารเพิ่งสร้างแล้วเสร็จและเปิดใช้งานมาได้เพียง 6 ปี โดยเป็นอาคารใหม่ที่ถูกใช้งานมาได้ไม่นาน ต่อมาเมื่อช่วงประมาณเดือน มิ.ย.65 ได้มีบริษัทต่างชาติได้เข้ามาทำการตอกเสาเข็มวางรากฐานเตรียมที่จะก่อสร้างอาคารโกดังเก็บสินค้าจำพวกเม็ดพลาสติกสูง 3 ชั้นในพื้นที่ 1 ไร่ แปลงติดกันที่ด้านหลังตึก
จนทำให้ตัวอาคารเกิดการแตกร้าวไปทั่วทั้ง 18 คูหา โดยเฉพาะอาคารพาณิชย์ของตนจำนวน 4 คูหาที่อยู่ทางด้านริมหัวตึก และอาคารพาณิชย์ด้านท้ายสุดของเพื่อนบ้านอีก 2 คูหาที่มีรอยแตกร้าวอย่างหนัก เป็นจำนวนมาก จนชาวบ้านหลายรายที่ได้รับผลกระทบได้รวมตัวกันเดินทางไปร้องทุกข์ต่อทาง อบต.คลองนา ซึ่งเป็นหน่วยงานผู้อนุญาตให้ทำการก่อสร้างในพื้นที่ และร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.ฉะเชิงเทรา อีกช่องทางหนึ่งด้วย
จนมีเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานได้เดินทางมาทำการตรวจสอบ และพยายามไกล่เกลี่ย จนทำให้ทางผู้รับเหมาและควบคุมงาน ได้รับปากว่าหลังจากทำการตอกเสาเข็มแล้วเสร็จ จะเข้ามารับผิดชอบซ่อมแซมอาคารที่แตกร้าวให้แก่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ แต่จนถึงขณะนี้ผ่านมาแล้วถึงกว่า 4-5 เดือน ทางผู้รับเหมายังไม่มีการเข้ามาดำเนินการซ่อมแซมให้ ตามที่ได้เคยตกลงรับปากไว้ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ทั้งยังมีท่าทีบ่ายเบี่ยงที่จะรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น
ตนจึงได้ตัดสินใจขึ้นป้ายเพื่อที่จะขายตึกทั้ง 4 คูหานี้ทิ้ง เนื่องจากยังมองไม่เห็นถึงความคืบหน้าจากทางผู้รับเหมา และบริษัทต่างชาติที่จะเข้ามาเยียวยาซ่อมแซมแก้ไขตึกที่แตกร้าวให้แต่อย่างใด อีกทั้งจากเหตุการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้นนี้ ยังทำให้ตนเสียโอกาสทางธุรกิจ เนื่องจากก่อนหน้าที่จะมีการเข้ามาตอกเสาเข็มนั้น ได้มีบริษัทรายหนึ่งได้เข้ามาติดต่อขอเช่าอาคารพาณิชย์ของตนแห่งนี้ทั้ง 4 คูหา ในราคาค่าเช่าเป็นเงินจำนวน 9.6 แสนบาทต่อปี เนื่องจากเป็นอาคารพาณิชย์ที่ตั้งอยู่ในทำเลทางธุรกิจที่ดีและติดถนนใหญ่การเดินทางสะดวกสบาย
โดยได้มีการเตรียมทำสัญญากันระยะยาวเป็นเวลา 10 ปี จึงทำให้ตนเสียประโยชน์เสียโอกาสทางธุรกิจ และเสียรายได้ไปเป็นเงินจำนวนเกือบ 10 ล้านบาท จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย จึงยังทำอะไรไม่ได้ และไม่สามารถขับเคลื่อนดำเนินธุรกิจต่อไปข้างหน้าได้เลย เพราะตึกเกิดการแตกร้าวแล้ว ทางบริษัทที่กำลังจะเข้ามาทำสัญญาเช่า ได้เปลี่ยนใจไม่มาทำสัญญาเช่าแล้ว เนื่องจากตึกของตนกลายเป็นอาคารที่ชำรุดเสียหายไปแล้ว จึงทำให้ตนจำเป็นต้องตัดสินใจที่จะขายทิ้ง นางพัทธ์ยมล กล่าว
สนทะนาพร อินจันทร์/ฉะเชิงเทรา