In Thailand
วีระ-ผู้ว่า-ป่าไม้ เข้าตรวจที่ดิน11,564 ไร่หลังมีกระแสนายทุนจีนขอเช่าพื้นที่
ราชบุรี-วีระ-ผู้ว่า-ป่าไม้ ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี บริเวณต.รางบัว อ.จอมบึง คาบเกี่ยว ต.ทุ่งหลวง อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี รวม 11,564 ไร่ หลังมีกระแสนายทุนจีนขอเช่าพื้นที่
จากกรณีเมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา นายวีระ สมความคิด พร้อม นายพัฒนะ ศิริมัย ผอ.การศูนย์ป่าไม้ราชบุรี, นายวัชระ ละอออ่อน หน้าหน่วยป้องกันป่าไม้ที่ 1 ราชบุ และจนท.ป่าไม้ ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี บริเวณต.รางบัว อ.จอมบึง คาบเกี่ยว ต.ทุ่งหลวง อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี รวม 11,564 ไร่ โดยที่ดินแปลงดังกล่าว บริษัทในเครือ สหวิริยา (บ.วิริยะเกษตรอุตสาหกรรม จำกัด และ บ.วีพียูคาลิปชิปวู๊ด จำกัด) ได้เคยขอเช่าพื้นที่จากกรมป่าไม้เพื่อปลูกสวนป่า แต่หมดสัญญาเช่าไปเมื่อปี 2546
จนมีชาวบ้านทำเรื่องร้องเรียกต่อ นายวีระ ให้เข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว เพราะมีกลุ่มนายทุนชาวจีนเตรียมขอเช่าพื้นที่ เพื่อทำโรงงานผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์ จากการตรวจสอบพบว่ามีรถขนาดใหญ่วิ่งเข้าออกอยู่หลายคัน มีการปรับปรุงพื้นที่เพื่อทำการเกษตร ทำให้พื้นที่ป่าสงวนฯ ถูกทำลายจำนวนหลายร้อยไร่ ซึ่งพื้นที่ทั้งหมดหลังบริษัทในเครือ สหวิริยา ได้หมดสัญญา จึงทำเรื่องขออนุญาตเข้าทำประโยชน์และอยู่อาศัย แต่ทางกรมป่าไม้ไม่อนุญาต จนมาเมื่อวันที่ 23 เม.ย.64 ทางบริษัทได้ทำหนังสือขอยกเลิกคำขออนุญาต ทำให้ในปัจจุบันกลับมาเป็นพื้นที่ป่าสงวน โดยความดูแลของกรมป่าไม้ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการอนุญาตให้บุคคลใดเข้าใช้ทำประโยชน์
ล่าสุดวันนี้ ( 8 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. นายรณภพ เหลืองไพโรจน์ ผวจ.ราชบุรี พร้อมด้วยนายวีระ สมความคิด และ ร.ต.อ.ศักดิ์ชัย ฆ้องรัตนพรชัย พนักงานสอบสวน สภ.จอมบึง, จนท.สปก., จนท.ป่าไม้, จนท.ปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี บริเวณหมู่ที่ 8 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ซึ่งมีพื้นที่รวม 11,564 ไร่ จากการตรวจสอบพบว่า มีการแบ่งซอยพื้นที่ออกเป็น 6 แปลง โดยแต่ละแปลงจะมีพื้นที่ไม่เกิน 2,000 ไร่ ตามที่กฏหมายกำหนด ทั้งยังตรวจสอบพบว่ามีบ้านที่อยู่อาศัยจำนวนหลายหลัง ซึ่งพบว่ายังไม่มีการขอเอกสารสิทธิ
นายวีระ จึงแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.จอมบึง เพื่อเอาผิดบุคคลหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี พร้อมขอให้ทางกรมป่าไม้ และผู้ว่าราชการจังหวัด เข้าตรวจสอบและเอาผิดบุคคลหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการบุกรุกป่าสงวน
ขณะที่ นายพัฒนะ ศิริมัย ผอ.การศูนย์ป่าไม้ราชบุรี ได้เปิดเผยว่า ได้เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ในบริเวณพื้นที่ซึ่งกรมป่าไม้เคยอนุญาตให้กลุ่มบริษัทวิริยะเกษตรอุตสาหกรรมเข้าทำประโยชน์ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี ท้องที่ ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี รวมเนื้อที่ 11,564 ไร่ และพื้นที่ใกล้เคียง พร้อม ผวจ.ราชบุรี และ นายวีระ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยมีเจ้าหน้าที่ในสังกัดศูนย์ป่าไม้ราชบุรี สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) กรมป่าไม้ นำตรวจ ผลการตรวจสอบทั่วทั้งบริเวณพื้นที่ซึ่งกลุ่มบริษัทวิริยะฯ เคยได้รับอนุญาตเข้าทำประโยชน์ จำนวนทั้งสิ้น 11,564 ไร่ ซึ่งไม่พบการกระทำผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้แต่อย่างใด สำหรับในส่วนของพื้นที่นอกบริเวณแปลงที่ดิน
ซึ่งกลุ่มบริษัทวิริยะฯ เคยได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ ตรวจพบการครอบครองทำการเกษตร เมื่อวันที่ 4 พ.ย.65 จนท.ในสังกัดกรมที่ดิน ได้ยืนยันข้อมูลว่า บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่มีหลักฐานตามประมวลกฎหมายที่ดิน ประเภทโฉนด สถานภาพทางกฏหมายในปัจจุบัน จึงไม่ใช่พื้นที่ป่าไม้หรือพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
ซึ่งหลังจากนี้ กรมป่าไม้และกรมที่ดิน จะร่วมดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติมว่า เป็นการออกโฉนดโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เนื่องจากเป็นบริเวณพื้นที่ทับซ้อนกับ เขตป่าไม้ถาวร ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี เขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี และเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
ผอ.การศูนย์ป่าไม้ราชบุรี ยังกล่าวอีกว่า ซึ่งที่ผ่านมา ทางป่าไม้ได้เข้าตรวจสอบและมีการดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่บุกรุกเขตพื้นที่ป่าสงวนไปบ้างแล้ว ส่วนการปลูกสร้างอาคารบ้านเรือนของชาวบ้าน ต้องรอดูเอกสารสิทธิว่าใครเป็นผู้ครอบครอง และถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่ หากพบมีการกระทำความผิด จะแจ้งความดำเนินคดีโดยไม่มีการยกเว้น
สุจินต์ นฤภัย(เต้) / ราชบุรี