EDU Research & ESG
โรงเรียนสอนเสริมพิเศษแปดริ้วเริ่มคึกคัก ทางเลือกเด็กเรียนช้าไม่ทันตามหลักสูตร
ฉะเชิงเทรา-ธุรกิจโรงเรียนสอนเสริมพิเศษ แปดริ้วขยับตัวคึกคักหลังสถานการณ์โควิด 19 คลี่คลายผ่านพ้นไป เผยพบเด็กมีปัญหาเรียนตามไม่ทันหลักสูตร ที่ต้องการเรียนรู้เสริมเพิ่มเติม เพื่อสร้างความเข้าใจในระหว่างการเรียนจากชั้นเรียน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กที่มีปัญหาทางด้านการเรียนรู้จากอาการ “สมาธิสั้น” ที่พบมากตามชั้นเรียนไม่ทัน พร้อมเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้แก่ผู้ปกครองที่สนใจ ปรับการเรียนรู้ให้แก่บุตรหลาน
วันที่ 4 ธ.ค.65 เวลา 09.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายณรงค์ เพิ่มพูน อายุ 48 ปี นักธุรกิจเจ้าของโรงเรียนสอนพิเศษขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ในตัวเมือง จ.ฉะเชิงเทรา ว่า ธุรกิจโรงเรียนสอนเสริมพิเศษเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง หลังจากสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด 19 คลี่คลายผ่านพ้นไป แต่พบว่ามีเด็กนักเรียนจำนวนมาก ที่ยังเรียนรู้ไม่ทันตามหลักสูตรในโรงเรียน หลังจากทางโรงเรียนทั่วไปได้เปิดทำการเรียนการสอนตามปกติมาแล้วเป็นเวลากว่า 1 ภาคเรียน
เนื่องจากเด็กที่เคยเรียนแบบออนไลน์อยู่กับบ้านนั้น ยังขาดความสนใจและความเอาใจใส่ระหว่างเรียน จึงมีความต้องการที่จะเรียนรู้เสริมเพิ่มเติมทางวิชาการในส่วนที่ขาดหายไป ซึ่งอาจเกิดจากเด็กที่เรียนออนไลน์อยู่กับบ้านตามลำพังหรือเด็กบางกลุ่มมีสมาธิสั้น ซึ่งปัจจุบันพบมากถึงร้อยละ 50 จนไม่สามารถที่จะเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง และทำให้เรียนตามเพื่อนๆ ไม่ทัน
สำหรับโรงเรียนที่ตนเปิดทำการสอนพิเศษขึ้นมานั้น ไม่ได้มุ่งที่จะทำให้เป็นโรงเรียนสอนพิเศษแบบกวดวิชา แต่ได้พยายามที่จะทำให้สถานที่แห่งนี้ เป็นไปในลักษณะบ้านที่ช่วยเพิ่มความรู้ให้แก่เด็ก และให้เด็กเรียนทันกับหลักสูตรที่โรงเรียนสอน เพื่อเป็นการปรับส่วนที่ขาดหายไปให้แก่เด็ก แตกต่างจากโรงเรียนสอนพิเศษหลายแห่ง ที่ต่างเปิดสอนกันขึ้นมาเป็นจำนวนมากใน จ.ฉะเชิงเทรา
ที่มุ่งเน้นด้านการสอนให้เป็นไปในลักษณะของการสอนเด็กเพื่อให้เก่งขึ้นไปตามความต้องการของผู้ปกครอง และเป็นการกดดันที่จะให้บุตรหลานต้องเป็นเด็กเก่งอยู่เสมอ และจะเน้นให้มุ่งแต่การเรียนเพียงด้านเดียว แต่ที่นี่จะใช้วิธีทำให้เด็กสนุกในการเรียนและสนใจเนื้อหา เพื่อที่จะทำให้เขาเรียนทันกับสิ่งที่ถูกสอนในโรงเรียน ซึ่งจะเป็นการช่วยผู้ปกครองในการปรับพื้นฐานให้แก่เด็กด้วย
ส่วนเด็กที่เก่งแล้ว เราจะสนับสนุนที่จะสอนในระดับที่ยากมากขึ้นไปตามลำดับ เพื่อให้สามารถที่จะเรียนต่อไปในสถานศึกษาที่ดี มีชื่อเสียงได้ โดยเด็กที่มีภาวะสมาธิสั้นที่ผู้ปกครองต้องการนำมาเรียนปรับพื้นฐานความรู้นั้น ได้เปิดทำการสอนในระดับ ป.1 ถึง ป.6 ทั้งในช่วงเวลาหลังเลิกเรียนมาจากทางโรงเรียนตามปกติในชั้นเรียนแล้ว ระหว่างเวลา 17.45-19.00 น. และวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ระหว่างเวลา 09.00 น. ถึง 15.00 น. โดยแบ่งเป็นช่วง เช้า-บ่าย
สำหรับปัญหาของเด็กบางกลุ่มนั้น อาจไม่ได้เกิดจากภาวะสมาธิสั้นโดยตรงแต่กำเนิด แต่ด้วยสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ และนิสัยของเด็กในปัจจุบัน ที่เป็นองค์ประกอบและปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เด็กเข้าสู่สภาวะขาดสมาธิ เนื่องจากเด็กๆ นั้นอยู่แต่กับหน้าจอโทรศัพท์ และคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา ผิดจากเด็กๆ ในสมัยอดีตที่ไม่มีสิ่งเหล่านี้ โดยอยู่แต่กับธรรมชาติ และใช้สมาธิอยู่กับธรรมชาติที่ได้พบเห็นจึงไม่มีอาการสมาธิสั้นเหมือนกับเด็กสมัยนี้
โดยพบมากถึงร้อยละ 50 ซึ่งส่วนหนึ่งยังไม่เชิงเป็นโรคนี้แต่มีแนวโน้มที่จะเป็น จึงมองว่าธุรกิจทางด้านนี้มีโอกาสเติบโตต่อไปได้อีกมาก เพราะเด็กเกิดขึ้นและเติบโตขึ้นในทุกวัน ส่วนการที่เด็กจะเรียนเก่งต่อไปหรือไม่นั้น อยู่ที่การที่เราจะต้องปรับตรงนี้ก่อน เนื่องจากเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุด หากเราปรับตรงนี้ได้แล้ว เด็กเรียนทันและเข้าใจจนมีความสนใจต่อการเรียน จะทำให้เรียนสนุก เขาก็จะอยากเรียนต่อไปเพิ่มขึ้นอีก
หากเราสามารถที่จะรักษามาตรฐานการดูแลเด็กได้ในระดับที่น่าพอใจจากผู้ปกครอง จึงมองว่าการเปิดสอนเด็กในลักษณะนี้ยังไปได้อีกไกล และจากการที่ได้สัมผัสกับเด็กๆ ที่ทำการสอนมาพบว่าเด็กได้เรียนตามที่ครูผู้สอนในชั้นเรียนตามหลักสูตรจริง แต่พบว่าเด็กเหล่านี้มีสมาธิที่ขาด เป็นห้วงๆ ฉะนั้นเขาจึงรับสิ่งที่ครูสอนในชั้นเรียนกลับมาได้ไม่เต็ม
แต่เมื่อเราเอาเขามาเรียนและนำมาปรับพื้นเริ่มต้นใหม่ โดยดูว่าเขาได้เรียนอะไรมาบ้าง และเขายังขาดอะไรบ้าง จากนั้นจึงค่อยๆ เติมตรงนั้นลงไปจนเขาทันกับสิ่งที่ทางโรงเรียนสอนมา ซึ่งส่วนใหญ่เด็กจะบอกเรามาเอง โดยเป็นจิตวิทยาทางการศึกษา ที่เราสามารถเรียนรู้จากเด็ก จากการที่เราเอาการบ้านเขามาดู และดูว่าเขาเรียนอะไรมาบ้าง ซึ่งครูที่จะมาทำการสอนพิเศษจะมีการศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มาด้วย
ในความพยายามที่จะหาจุดบกพร่องของเด็ก เพื่อที่จะเติมเต็มสิ่งเหล่านี้ให้เขาได้เรียนทันเพื่อนได้ผลการเรียนที่ดีขึ้น ซึ่งทางโรงเรียนสอนพิเศษแห่งนี้ได้เปิดทำการสอนมาเป็นเวลา 1 ปี โดยทำการสอนในวิชาหลัก ทั้งวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ภาจีน ภาษาไทย และขณะนี้ได้เพิ่มวิชาศิลปะ และเพิ่มคอร์สพาน้องอ่านขึ้นมาอีก 1 รูปแบบการสอน เพื่อเน้นทางด้านภาษาไทยให้เข้าใจโจทย์ และสามารถตอบคำถามได้ดี
โดยที่ทางโรงเรียนนั้นได้คัดสรรครูผู้สอนที่มีความตั้งใจในการทำการสอนเด็ก จากโรงเรียนต่างๆ มาทำการสอนพิเศษภายในโรงเรียน หลังจากเลิกงานแล้วจำนวน 7 คน ในราคาที่ไม่สูงมากนัก โดยโรงเรียน “House of Ninety Nine” หรือบ้านเลขที่ 99 ตั้งอยู่ในทำเลกลางใจเมืองฉะเชิงเทรา ภายใน ถ.หน้าเมือง ซอย 1 และยังมีเส้นทางเข้าออกได้หลายช่องทาง ทั้งซอยด้านหลังบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ (TOT เดิม) และยังสามารถเข้าทางถนนหน้าเมือง ซ.3 ได้ด้วย นายณรงค์ ระบุ
สนทะนาพร อินจันทร์/ฉะเชิงเทรา