Travel Sport & Soft Power

ชาวกาฬสินธุ์ฮิตเลี้ยงควายไม่อิงกระแส แต่ยึดตามวิถีชาวนาแต่โบราณ



กาฬสินธุ์-เกษตรกรในจังหวัดกาฬสินธุ์ เริ่มหันมานิยมเลี้ยงควายพันธุ์พื้นเมือง ฉุดราคาที่เคยตกต่ำตัวละไม่กี่หมื่นบาทเป็นหลักแสนบาท ด้านเจ้าของ “เบิ้มพันล้าน” ควายพ่อพันธุ์มูลค่า 30 ล้าน เผยผลิตน้ำเชื้อจำหน่ายรายได้สูงถึงเดือนละ 1 ล้านบาท ขณะที่เกษตรกรผู้เลี้ยงควายรุ่นใหม่ ระบุเลี้ยงควายไม่ได้เลี้ยงตามกระแส แต่เลี้ยงเพื่อประโยชน์ในการใช้แรงงานทดแทนค่าจ้างรถไถนา ได้มูลเป็นปุ๋ยคอกบำรุงข้าวและพืชทดแทนปุ๋ยเคมีที่ราคาสูง

วันที่  16 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามบรรยากาศการประกอบอาชีพของเกษตรชาว จ.กาฬสินธุ์ 18 อำเภอในช่วงฤดูแล้งพบว่า นอกจากจะทำการเกษตร ปลูกพืชอายุสั้นที่เหมาะสมกับสภาพดินฟ้าอากาศและปริมาณน้ำแล้ว ยังมีการเลี้ยง “ควายพื้นเมือง” และ “ควายงาม” กันเป็นจำนวนมาก อย่างที่เรียกว่าฟื้นฟูตลาดควายที่ซบเซามานานให้เกิดความคึกคักอีกครั้งมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ได้เกิดธุรกิจหน่ายน้ำเชื้อควายงามหรือควายพันธุ์ดี หลายสายพันธุ์ เพื่อสนองความต้องการของเกษตรกรเป็นจำนวนมากเช่นกัน

นายมงคล มองเพ็ชร นายกเทศมนตรีตำบลคำบง เจ้าของ “เบิ้มพันล้าน” อ.ห้วยผึ้ง จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่าเดิม ครอบครัวตนเลี้ยงควายฝูงมาตั้งแต่บรรพบุรุษ เกิดมาก็เห็นพ่อ แม่ ญาติพี่น้อง เลี้ยงควายเพื่อใช้แรงงาน และจำหน่ายเป็นทุนการศึกษาให้ลูก ผลดีของการเลี้ยงควายอีกอย่างหนึ่งคือได้ปุ๋ยคอกบำรุงข้าวและพืชสวนพืชไร่ ในระยะหลังต่อมาอาจจะเห็นว่าประชากรควายลดจำนวนลง ชาวบ้านไม่นิยมที่จะเลี้ยงควายมากเหมือนสมัยก่อน ทั้งนี้ เป็นไปตามยุคสมัย ควายถูกส่งเข้าโรงฆ่าสัตว์ ถูกแปรรูปเป็นอาหาร เกษตรกรใช้รถไถแทนแรงงานควาย ซึ่งรวดเร็ว สะดวกสบายกว่า และมีการใช้ปุ๋ยเคมีแทนปุ๋ยคอก เพื่อเร่งการเจริญเติบโตของพืช ประชากรควายจึงลดจำนวนไปดังกล่าว

นายมงคลกล่าวอีกว่า สำหรับตนมีความผูกพันกับควายมาก ทั้งรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณควายมากด้วย ชีวิตตนมาถึงวันนี้ได้เพราะเลี้ยงควาย เพราะควายเป็นสัตว์ที่เชื่อง เลี้ยงง่าย ร่างกายแข็งแรง อดทน มีภูมิต้านทานโรคสูงกว่าวัว ดังนั้นครอบครัวตนจึงเลี้ยงควายมาโดยตลอด ขณะที่ภาวะค่าครองชีพสูงขึ้น น้ำมันแพง ราคาปุ๋ยสูงขึ้น พบว่าเกษตรกรรายย่อย รายใหญ่ เริ่มหันมาหาวิธีการลดต้นทุนการผลิต ซึ่งการเลี้ยงควายก็คืออีกทางเลือกหนึ่ง เพื่อใช้แรงงาน และได้ปุ๋ยคอก สำหรับตนปัจจุบันมีควายที่เลี้ยง 20 ตัว เน้นควายงาม ซึ่งจะมีมูลค่าสูงกว่าควายพื้นเมืองทั่วไป โดยมี “เบิ้มพันล้าน” ควายพันธุ์ไทยแท้  เป็นพระเอกในฟาร์ม ซื้อมาเมื่อ 6 ปีที่แล้วราคา 5 แสนบาท ขณะที่ราคาควายงามโดยทั่วไปราคาตัวละ 40,000-50,000 บาท ทั้งนี้ ตนได้เลี้ยงเบิ้มพันล้าน เพื่อผลิตน้ำเชื้อจำหน่ายให้กับเกษตรกรผู้สนใจ และเพื่อกระจายพันธุกรรมควายไทย ให้มีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง

“อย่างไรก็ตาม หลังจากในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ได้จัดให้มีการประกวดควายงามขึ้น 2-3 ครั้งที่ผ่านมา สามารถทำให้วงการตลาดควายไทยฟื้นตัวมากขึ้น ส่งผลให้ช่วงนี้มีรายได้จากการจำหน่ายน้ำเชื้อเบิ้มพันล้านเดือนละ 1 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าในตัวเบิ้มพันล้าน ประเมินไว้ในราคา 30 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม สำหรับวงการเลี้ยงควายงามหรือควายพื้นเมืองในจ.กาฬสินธุ์ ปัจจุบันได้จัดตั้งกลุ่มคนเลี้ยงควายลุ่มน้ำปาว จ.กาฬสินธุ์ มีสมาชิก 350 ราย ประชากรควายประมาณ 10,000 ตัว” นายมงคลกล่าว

ด้านนายพร้อมพงศ์ พิมเภา อายุ 36 ปี บ้านแสนสุข เขตเทศบาลตำบลกุดสิม อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์  กล่าวว่า ตนประกอบอาชีพเกษตรกรรม มีทำนา ปลูกพืชสวน พืชไร่ ต้นทุนการทำเกษตรเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ทั้งค่ารถไถ ราคาปุ๋ยเคมีตามท้องตลาด ที่สูงขึ้น จึงมองหาวิธีลดทุนทำการเกษตร โดยได้หันมาเลี้ยงควาย ทั้งนี้ ไมได้เลี้ยงตามกระแส แต่เลี้ยงเพื่อการอนุรักษ์และเพื่อใช้แรงงาน นอกจากนี้ยังได้ปุ๋ยคอกบำรุงข้าวและแปลงเกษตร ซึ่งเป็นการฟื้นฟูวิถีชาวนาไทยอีสานอีกด้วย จึงไปติดต่อขอซื้อควายเพศเมียจากโรงฆ่าสัตว์มา 1 ตัวราคา  2 หมื่นบาท โดยตนตั้งชื่อให้ว่า “บุญรอด” ใช้เวลาขุน 2 ปีครึ่ง ก็ได้อายุผสมพันธุ์ โดยไปติดต่อน้ำเชื้อเบิ้มพันล้านมาผสมเทียม

นายพร้อมพงศ์กล่าวอีกว่า ช่วงที่บุญรอดตั้งครรภ์ รูปร่างผิวพรรณมันเปล่งปลั่งสวยงามมาก ถึงขนาดมีนายฮ้อยมาติดต่อขอซื้อทั้งแม่และลูกในท้องในราคา 2 แสนบาท ตนก็ไม่ขาย และหลังจากบุญรอดตกลูกออกมา เป็นเพศผู้ชื่อ “เพชรภูไท” รูปพรรณสวยงาม เหมือพ่อ “เบิ้มพันล้าน” มาก ซึ่งขณะนี้มีอายุ 2 เดือน มีนายฮ้อยมาให้ราคาทั้งแม่ลูก 5 แสนแล้ว ตนก็ไม่ขาย เพราะตั้งใจจะเลี้ยงไว้ใช้แรงงาน เอาปุ๋ยคอกบำรุงข้าวและพืช นอกจากนี้ยังตั้งใจที่จะเลี้ยงเพชรภูไท เป็นพ่อพันธุ์อีกด้วย