In News

นายกฯปลื้มถกการค้าไทย-ไห่หนานจบ! ด้วยมูลค่าการค้ารวมกว่า1.85หมื่นล้าน



กรุงเทพฯ-โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ปลื้ม เจรจาการค้าไทย-ไห่หนาน ประสบความสำเร็จ มูลค่าการค้ารวมกว่า 18,500 ล้านบาท ผลจาก Mini FTA เพิ่มยอดส่งออกกว่า 66.8% พร้อมต่อยอด Mini FTA เซินเจิ้น และยูนนาน เพิ่มเติม

วันนี้ (15 มีนาคม 2566) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบผลการดำเนินงานของกระทรวงพาณิชย์ในการผลักดันความร่วมมือทางด้านการค้า ผ่านการจัดทำ Mini FTA ระหว่างประเทศไทยกับมณฑลไห่หนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งประสบผลสำเร็จอย่างมาก เป็นไปตามแนวทางการทำงานของรัฐบาล ซึ่งจะเพิ่มยอดส่งออกจากไทยไปไห่หนานอีกกว่า 66.8% ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีสั่งการเร่งขยายผล ต่อยอดความร่วมมือ ซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าเจรจาจัดทำ Mini FTA เพิ่มเติมกับอีก 2 เมืองของจีน ได้แก่ เซินเจิ้น และยูนนาน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมา ไทยและมณฑลไห่หนาน มีความร่วมมือทางการค้ากันอย่างใกล้ชิด ในปี 2565 มีมูลค่าถึง 18,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91.9% และผลลัพธ์สำคัญจากการจัดทำ Mini FTA ทำให้ยอดส่งออกจากไทยไปไห่หนานเพิ่มขึ้นถึง 66.8% โดยสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ยางพารา ผลไม้ เคมีภัณฑ์ และสินแร่ ซึ่งจากผลสำเร็จดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์จึงพร้อมต่อยอดการจัดทำ Mini FTA กับเมืองสำคัญอื่น ๆ ของจีนเพิ่มเติม โดยเฉพาะเซินเจิ้น และยูนนาน

ในปัจจุบัน ประเทศไทยมีการจัดทำ Mini FTA กับเมืองและรัฐสำคัญในโลกแล้ว จำนวน 6 ฉบับ ได้แก่ 1. มณฑลไห่หนานของจีน 2. รัฐเตลังคานาของอินเดีย 3. เมืองโคฟุของญี่ปุ่น 4. มณฑลกานซู่ของจีน 5. เมืองปูซานของเกาหลีใต้ และ 6. เมืองคยองกีของเกาหลีใต้ ซึ่งไทยพร้อมแสวงหาความร่วมมือกับเมืองอื่น ๆ ที่มีศักยภาพ ถือเป็นนโยบายเพิ่มความสัมพันธ์ในอีกรูปแบบทางการค้า การลงทุน ลดอุปสรรคทางการค้า และหาลู่ทางใหม่ในความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างคู่ค้าทั้ง 2 ฝ่าย

“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญในการผลักดันความร่วมมือทางการค้าของไทยกับต่างประเทศ ผ่านการเจรจาจัดทำ Mini FTA กับเมืองและรัฐสำคัญต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งทุกรูปแบบของความตกลงล้วนมีส่วนสำคัญในการเพิ่มมูลค่าการค้า การส่งออกของไทย เป็นโอกาสเปิดตลาดการค้า สร้างสัมพันธ์กับพันธมิตรทางการค้า รวมทั้งพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน” นายอนุชาฯ กล่าว