Think In Truth

เสียงสะท้อนชาวบ้านแปดริ้วสับนโยบาย พรรคการเมืองก่อนถึงวันลงคะแนน



ฉะเชิงเทรา-เสียงสะท้อนชาวบ้าน ต่อนโยบายพรรคการเมือง ก่อนถึงวันกาบัตรลงคะแนนเลือกตั้ง โดยเฉพาะนโยบายประชานิยมแจกเงิน ชี้แค่ไฟไหม้ฟางแจกแล้วหมดไป วอนทุกพรรคหนุนอาชีพสร้างความมั่นคงอย่างยั่งยืน ขณะบางรายสับเละพูดแล้วไม่ทำ “ย้ำต้องทำให้ได้” ส่วนคนรักสงบบอกเบื่อการชุมนุมทางการเมือง มองนักเคลื่อนไหว “ไม่เคารพกติกา” 

วันที่ 8 เม.ย.66 เวลา 15.30 น. ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงความคิดเห็นของประชาชน ต่อนโยบายการหาเสียงเลือกตั้งจากพรรคการเมืองต่างๆ ในขณะนี้จาก น.ส.อุลัยวัลย์ เคนหวาน อายุ 45 ปี ชาว ต.ลาดขวาง อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ที่ได้ให้ความเห็นว่า จากกรณีที่มีพรรคการเมืองบางพรรค ได้มีการนำเสนอนโยบายออกมาหาเสียง ในรูปแบบประชานิยมด้านต่างๆ เพื่อเรียกคะแนนเสียงเลือกตั้งในขณะนี้

เช่น กรณีการแจกเงินดิจิทัลว่า ที่ผ่านมานั้นพอรู้เกี่ยวกับระบบเงินดิจิทัลมาบ้างแล้ว แต่เป็นเพียงการรู้อย่างผิวเผิน ส่วนนโยบายที่มีพรรคการเมืองนำมาใช้หาเสียงนั้น ยังไม่รู้ว่าในรายละเอียดนั้นจะทำได้จริงหรือไม่ โดยตนสนใจแต่เพียงการประกอบอาชีพ และการค้าขายในชีวิตประจำวันมากกว่า ว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้เกิดรายได้เข้ามาในกระเป๋า หรือเกิดการสร้างงานสร้างอาชีพที่ทำแล้วได้เงิน โดยไม่ได้มองว่าใครหรือพรรคการเมืองไหนจะแจกอะไรมาให้ 

โดยคิดว่านักการเมืองน่าจะคิดนโยบายต่อยอดพัฒนาด้านอาชีพ ที่ประชาชนกำลังทำอยู่ในปัจจุบันนี้ได้อย่างไร หรือทำให้มีรายได้มากกว่า และมีเงินเพิ่มขึ้นมา มีความมั่นคงยั่งยืนในชีวิตมากยิ่งขึ้น ส่วนเงินเมื่อมีการแจกมาแล้ว ไม่ว่าจะมาในระบบใดก็ตาม ล้วนเป็นการใช้แล้วหมดไป แต่ถ้าเรามีอาชีพมีอะไรที่ยั่งยืนแล้ว มันจะทำให้เรายั่งยืนถาวรตลอดไปมากกว่า 

อย่างเช่นสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ตนทำอยู่ และนำออกมาวางจำหน่ายอยู่นี้ เป็นผลงานจากภูมิปัญญาของคนในท้องถิ่น จึงอยากให้พรรคการเมืองมีนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการเข้ามาสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนแต่ละชุมชน หรือแต่ละท้องถิ่นมากกว่าการแจกเงิน โดยการสนับสนุนผ่านทางนโยบายด้านต่างๆ ให้มาถึงประชาชน น.ส.อุลัยวัลย์ กล่าว

ขณะที่ นายสมชาย (นามสมมุติ) อายุ 65 ปี ผู้มีอาชีพค้าขาย ในตัวเมือง จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ประเด็นหลักนั้น เมื่อนักการเมืองมีการนำเสนอออกนโยบายมาสู่ยังประชาชนในขณะหาเสียงแล้วนั้น ต้องทำให้ได้จริง ไม่ใช่เหมือนกับยุคที่ผ่านมานั้น “มีทำอะไรที่ทำได้ตามนโยบายจริงบ้าง สำหรับตนมองว่ายังไม่มีเลย” ถ้าทำไม่ได้ต้องประชาชนว่าได้ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้แล้ว แต่ติดปัญหาอะไรที่ยังทำไม่ได้จริงๆ ให้บอกมาด้วยเหตุผล เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจถึงสาเหตุ ถ้าเป็นอย่างที่ผ่านมาเหมือนหลอกประชาชน

ฉะนั้นขอพูดตรงๆ ว่าใครหาเสียงอะไรไว้ต้องทำให้ได้เท่านั้นเองที่ประชาชนต้องการ แบบพูดง่ายๆ เมื่อประชาชนได้รับตามสิ่งที่ได้หาเสียงเอาไว้แล้ว ประชาชนเขาก็จะรับรู้ได้เองว่าพรรคนี้หาเสียงไว้แล้วและทำได้ แต่บางพรรคหาเสียงไว้แล้วกลับทำเฉย ส่วนเงินดิจิทัลที่กำลังมีการนำเสนอหาเสียงมาสู่ประชาชนนั้นพอรู้ และทุกวันนี้สังคมเปลี่ยนไปเป็นสังคมสมัยใหม่แล้ว และคนที่รับรู้เรื่องเหล่านี้ได้โดยตรง คือ กลุ่มวัยรุ่น บุตรหลานที่จะรู้มากกว่าพ่อแม่ 

ในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ ก็อยากให้นักการเมืองหาเสียงกันไปได้อย่างเต็มที่ แต่คุณต้องทำให้ได้จริงเพราะประชาชนเดี๋ยวนี้ไม่โง่และจดจำ แต่จะมีใครพูดหรือไม่เท่านั้นเอง ยุคนี้ประชาชนตื่นตัวมากกว่าเมื่อหลายปีก่อน ฉลาดขึ้นกว่าในอดีตมาก มีความรู้กว่ารุ่นพ่อรุ่นแม่ ทั้งยังสามารถสืบค้นย้อนกลับไปดูเมื่อครั้งในอดีตที่นักการเมืองเคยหาเสียงไว้ได้ด้วย ผ่านทางสื่อโซเชียลว่าอันไหนพูดแล้วทำได้ ทำไม่ได้ ย้อนไปจนถึงยังวันเดือนปีที่พูดไว้ก็ยังได้ว่าพูดอะไรไว้ 

นั่นคือหลักฐาน ประชาชนรับรู้แล้วเขาจะตัดสินใจเองในการเลือกตั้งครั้งนี้ “นักการเมืองต้องปรับตัว เพราะสิ่งที่คุณพูดไว้เขาจำแล้วเขารู้ ลูกหลานเขาก็ฉลาดกว่าคนสมัยก่อน เพราะโซเชียลกดไปก็รู้ทั้งหมด ถ้านักการเมืองไม่ปรับตัวถือว่าลำบาก ถ้าต้องการเป็นนักการเมืองที่ดีคุณจะหาเสียงพูดอะไรไว้ก็ต้องจำไว้ด้วย และพยายามทำให้ได้ หากทำไม่ได้ต้องบอกกล่าว เพราะคนไทยเขาให้อภัยกันได้ทั้งนั้น ให้บอกมาเลยว่าได้ทำเต็มที่แล้ว แต่ทำได้แค่นี้” นายสมชาย ระบุ 

ขณะที่ นายยอด (นามสมมุติ) อายุ 63 ปี ชาว อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา อาชีพค้าขายอาหาร กล่าวว่า การเลือกตั้งในครั้งนี้ขอให้นักการเมืองและกลุ่มสนับสนุนต่างๆ รักษากติกา หลังการเลือกตั้งแล้วก็ขอให้ผู้ชนะการเลือกตั้งได้เป็นฝ่ายบริหารประเทศไปจนครบวาระ 4 ปี ไม่ควรออกมาชุมนุมสร้างปัญหาความวุ่นวายต่างๆ ทางการเมือง และยังทำลายความเชื่อมันต่อชาวต่างชาติด้วย 

แต่ในส่วนของเรื่องความเดือดร้อนในชีวิตความเป็นอยู่ หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น การจะออกมาชุมตามสิทธิ์เพื่อเรียกร้องขอความยุติธรรม หรือการช่วยเหลือ เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหานั้นสามารถทำได้ ตนอยากเห็นบ้านเมืองอยู่กันอย่างสงบสุข แต่ถ้าเป็นการออกมาชุมนอกเหนือกติกา ไปเล่นกันนอกกฎเกณฑ์นอกสภา ก็ถือเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ 

จึงอยากให้ทุกคนเคารพกติกา และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเขาได้ทำงานตามหน้าที่ ทำการตรวจสอบ เช่น ใครโกงก็ให้ทาง ปปช.ทำงาน หรือ สตง. ทำหน้าที่ เพราะหน่วยงานที่รับผิดชอบนั้นมีอยู่ ก็ปล่อยให้เขาทำงานไป ไม่ใช่ไปชุมนุมและพากันไปชี้เอาเอง ทำให้คนต่างชาติเขามองดูบ้านเราไม่ดี เพราะมีเพียงบางคนบางกลุ่มที่ไม่เข้าใจระบบ นายยอด กล่าว 

สนทะนาพร อินจันทร์/ฉะเชิงเทรา