Travel Sport & Soft Power
ชาวสุรินทร์คั่วสดใหม่'ข้าวเม่าสูตรโบราณ' งานประเพณีกวนข้าวทิพย์ใหญ่ที่สุดในโลก
สุรินทร์-ใหญ่ที่สุดในโลก!! คั่วสดใหม่ ห้ามพลาด ข้าวเม่าสูตรโบราณ ร่วมสืบสานประเพณีพิธีการกวนข้าวทิพย์ 25 กระทะยักษ์ วัดสนสัทธาราม จ.สุรินทร์ 3 ต.ค.นี้
วันนี้(30 ก.ย.63)ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ รายงานว่า ชาวบ้านในชุมชนทุกหมู่บ้านในพื้นที่ตำบลสะกาดสามัคคีร่วมแรงใจพากันออกมา ที่วัดสนสัทธาราม เพื่อช่วยกันตำข้าวเม่าแบบโบราณ เพื่อเตรียมเอาไว้ในงานประเพณีกวนข้าวทิพย์ และซ้อมรำบวงสรวง ถวายหลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน ที่ทางวัดสนสัทธารามและชุมชนได้จัดขึ้นทุกๆปี ซึ่งนี้นี้จัดตรงกับวันเสาร์ที่ 3 ต.ค.63 เริ่ม พิธีกวนข้าวทิพย์ 25 กระทะยักษ์ ตามพิธีกรรมแบบโบราณ ตั้งแต่ เวลา 19.00 น.ถือว่าจัดใหญ่ที่สุดในโลก
ซึ่งพิธีเตากวนข้าวทิพย์องค์ประธาน พิธีกรรมสุดเข้มขลัง อลังการ ตามความเชื่อและประเพณีชาติพันธุ์เขมรโบราณที่มีการสบทอดกันมายาวนานกว่า 1,000 ปี โดย เด็กสาวพรหมจรรย์ ถือไม้พายและพลั่ว ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้กวนข้าวทิพย์ เดินวนรอบเตากวนข้าวทิพย์รวม 3 รอบ โดยใช้เตาแบบโบราณ โบกดิน ใช้ฟื้นไม้ เป็นเชื้อเพลิงหลักในการกวนข้าวทิพย์ ซึ่งทางวัดสนสัทธาราม แห่งนี้ ได้มีการเตรียม ธัญญาพืชทั้ง 108 ชนิด หลักๆอาทิ ถั่วลิสง,งา ,นม ,น้ำตาล ,น้ำผึ้ง ,น้ำอ้อย เนย และน้ำนมที่คั้นจากรวงข้าว เป็นต้น เทลงในกระทะขนาดใหญ่ที่ตั้งไฟบนเตา เพื่อให้เด็กๆพรหมจรรย์ทำพิธีกวนข้าวทิพย์เป็นลำดับแรก ก่อนที่จะมอบให้พระภิกษุสงฆ์ สามเณร และพุทธศาสนิกชนร่วมกันสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันกวนข้าวทิพย์ บนเตาไฟโบราณทั้ง 25 เตาต่อ คาดว่าต้องใช้เวลากว่า 12 ชั่วโมง
สำหรับวัดสนสัทธาราม แห่งนี้ ได้จัดให้มี งานทอดกฐินสามัคคีพิธีกวนข้าวทิพย์ เป็นครั้งที่ 11 ซึ่งเป็นประเพณีที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ และถือเป็นวัฒนธรรมที่สำคัญ ที่จะกระทำกันแทบทุกวัด ในช่วงวันออกพรรษา แต่ในปัจจุบันคงมีเพียงไม่กี่วัดในจังหวัดสุรินทร์ที่ยังคงมีการสืบสาน เนื่องจากเป็นงานใหญ่ต้องใช้คนและการเตรียมธัญยาพืชอาหารต่างๆมาก แต่ทางวัดสนสัทธาราม ยังคงจัดประเพณีกวนข้าวทิพย์เป็นประจำทุกปี โดยยังคงรักษารูปแบบดั้งเดิม เพื่อไม่ให้ประเพณีอันดีงามสูญหายไป โดยการเตรียมส่วนผสมที่ต้องมีถึง 108 ชนิด ซึ่งส่วนผสมจะเป็นธัญญาพืชโบราณหายากทั้งสิ้น โดยพระและเณรในวัดจะร่วมกับพุทธศาสนิกชน ช่วยกันเตรียมส่วนผสมถึง 2 เดือน ซึ่งมีการทำพิธีสำคัญก่อนการกวนข้าวทิพย์ คือการใช้ชาย-หญิงพรหมจรรย์ เป็นผู้กวนเป็นกลุ่มแรก หลังจากนั้นประชาชนทั่วไป จึงจะได้รับสิทธิ์ร่วมกวนข้าวทิพย์ ซึ่งปีนี้ คาดว่าจะมีประชาชนทุกเพศ ทุกวัย จากทั่วประเทศไทย และชาวต่างชาติ แห่เดินทางเข้ามามีส่วนร่วมในประเพณีกวนข้าวทิพย์เป็นจำนวนมาก โดยเริ่มกวนในเวลา ตั้งแต่ 1 ทุ่ม ยันตี 5 และจะนำพิธีกวนข้าวทิพย์ (ข้าวมธุปายาส) ตักบาตรทำบุญในเช้าวันที่ 4 ต.ค.63
พระครูประภัสร์อาภาธร เจ้าอาวาสวัดสนสัทธาราม /เจ้าคณะตำบลสะกาด กล่าวว่า ในวันงานจะมีการว่าว ถวายหลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน ตั้งแต่เวลา 13.00 น.เป็นตนไป ส่วนภาคค่ำตั้งแต่เวลา 19.00 น.จะมีพิธีกวนข้าวทิพย์ จำนวน 25 กระทะ ซึ่งมีการจัดมาทุกปี ถือว่าจัดใหญ่ที่สุดในโลก โยชาวบ้านต้องช่วยกันเตรียมวัตถุดิบนานกว่า 2 เดือน เพื่อให้เกิดความพร้อม ในการกวนข้าวทิพย์ในวันนี้ ข้าวทิพย์เป็นข้าวแห่งความเชื่อในพระพุทธศาสนา หลังจากนางสุชาดา ได้กวนข้าวทิพย์ ปรุงด้วยความประณีต ละเอียดอ่อนเสร็จแล้ว นำไปถวายแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลังจากนั้นวันหนึ่ง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อได้เสวยข้าวทิพย์ของนางสุดชาแล้ว ก็ได้บรรลุเป็นพระสัมมาสัมโพธิ์ญาณ เป็นพระพุทธเจ้าเป็นศาสดาเอกของโลก ฉะนั้นเรื่องข้าวทิพย์จึงเป็นมงคล อย่างมากสำหรับ ญาติโยมที่เป็นชาวพุทธ
นายเมธา ขอชัย ปลัด อบต.สะกาด ปฏิบัติหน้าที่นายก อบต.สะกาด กล่าวว่า วันที่ 3-4 ต.ค.63 อบต.สะกาด ขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนพุทธศาสนิกชน และนักอนุรักษ์ทั้งหลาย ได้มาร่วมกันอนุรักษ์ ศิลปะ วัฒนธรรมประเพณี กวนข้าวทิพย์โบราณ ในวันที่ 3 ต.ค.63 ซึ่งจะมีกิจกรรมตั้งแต่เวลา 13.00 น.มีการแห่กฐิน แห่วัตถุดิบในการปรุงข้าวทิพย์ ซึ่งน่าจะมีที่เดียวในโลก ที่ใช้วัตถุดิบโบราณดั่งเดิม จากป่าที่ พระครูประภัสร์อาภาธร เจ้าอาวาสวัดสนสัทธาราม เป็นผู้เก็บรักษาวัฒนธรรมโบราณตรงนี้เอาไว้ เพราะฉะนั้นถ้าใครสนใจวัฒนธรรมเก่าๆดั่งเดิม จะมีที่นี่ที่เดียว โดยในเวลา 19.00 น.จะมีการกวนข้าวทิพย์ ทั้งหมด 25 กระทะ และกระทะ ที่ 25 จะเป็นกระทะเอก เพราะทุกอย่างจะมาร่วมกันอยู่ที่นี่ ส่วนเช้าวันที่ 4 ต.ค.63 จะมีการทำบุญตักบาตรข้าวทิพย์ และแบ่งกันนำกลับบ้าน
ธนินท์ทัศน์ ภูแก้ว/สุรินทร์