EDU Research & ESG
เรียนแพทย์แผนไทยหนุนภูมิปัญญาไทย ผลักดันเวลเนสไทยสู่สากล
กรุงเทพฯ-เรียน แพทย์แผนไทยภูมิปัญญาไทย ศาสตร์แห่งการสร้างสมดุลชีวิต ด้วยวิถีธรรมชาติ “เรียนให้ดีได้ทั้งดูแลสุขภาพตนเองและดูแลครอบครัวคนที่เรารัก” นอกจากนี้ยังได้เผยแพร่ศาสตร์แพทย์แผนไทยสู่เวลเนสโลก ตลาดยังต้องการทัพบุคลากรเสริมอีกเป็นจำนวนมาก ตามเทรนด์รักสุขภาพ
อ.พท.อภิรัช ประชาสุภาพ อาจารย์แพทย์แผนไทย และ หัวหน้าหลักสูตรการแพทย์แผนไทย วิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ (CIM) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ซึ่งเป็นสถาบันที่เปิดหลักสูตรแพทย์แผนไทยสมัยใหม่ ซึ่งจะได้เรียนรู้เวชศาสตร์ชะลอวัยและการป้องกันโรคไปด้วย เผยว่า“ศาสตร์แพทย์แผนไทยนั้นเรียนแล้ว ได้ดูแลสุขภาพตนเองและคนรอบตัว อีกทั้งยังเป็นศาสตร์ที่เป็นไปตามกระแสเวลเนสที่เน้นการป้องกัน มากกว่ารักษา เพราะอย่างที่บอกการรักษาที่ดีที่สุดคือการป้องกัน ศาสตร์แพทย์แผนไทย เป็นศาสตร์ที่ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เรียนในเรื่องของธาตุทั้ง 4 ในร่างกาย ควบคู่กับการรักษาทั้งภายในและภายนอกคืนสมดุลความเป็นจริงให้ชีวิต ขณะที่การรักษาปัจจุบันทุกวันนี้เป็นการรักษาโดยใช้ยา ซึ่งยาส่วนใหญ่ก็คือสารเคมีที่ร่างกายไม่สามารถขับออกเองตามธรรมชาติ เมื่อรับมากส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว เราจะเห็นได้ว่าโรคเรื้อรังทั้งเบาหวาน ไขมัน ความดัน หากใช้แต่ยาแต่ไม่ปรับตนเอง ไม่ดูแลสุขภาพ ยังไงก็อาการระยะยาวไม่ดีขึ้น อีกทั้งคนยุคนี้ยังเป็นโรคกลุ่ม NCDs หรือ Non-communicable Diseases กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง อย่างเช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง อ้วนลงพุงมากขึ้น ศาสตร์แพทย์แผนไทยจึงสามารถเข้ามาช่วยส่งเสริมสุขภาพในมิติป้องกันได้ดี”
ไทม์มิ่งยิ่งเรียนยิ่งดี “แพทย์แผนไทย” 2566
จากประวัติศาสตร์ของแพทย์แผนไทยที่มีมาอย่างยาวนาน อยู่คู่คนไทย จึงแสดงให้ประจักษ์ชัดถึง “คุณค่า” และ “คุณภาพ” ของแพทย์แผนไทยเป็นอย่างดี ศาสตร์ของแพทย์แผนไทยยังเน้นกระบวนการป้องกันดูแลรักษาสุขภาพเป็นหลัก ด้วยเหตุนี้จึงกลายมาเป็นที่ต้องการของผู้คนและนับวันยิ่งนิยมมากขึ้นไม่เพียงแต่คนไทยเท่านั้น แต่ยังถูกนำเอาไปใช้ในเวลเนสทั่วโลก
“แพทย์แผนไทยมีทั้ง 4 มิติ คือ การดูแลรักษา การสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค และ การฟื้นฟูสมรรถภาพ ในส่วนของการดูแลสุขภาพ ก็ดูแลสุขภาพทั้งภายในและภายนอกแบบองค์รวม ทั้งกาย จิต สังคม และสิ่งแวดล้อม ส่วนถ้าจะแบ่งเป็นสาขา แบ่งได้ 4 สาขา คือ เวชกรรมไทย เภสัชกรรมไทย การนวดไทย และการผดุงครรภ์ไทย นอกจากนี้ยังมีการศึกษาเกี่ยวกับการแพทย์พื้นบ้านไทย โดยปกติเราจะรู้จักการแพทย์แผนไทยในเรื่องของการนวดไทย ซึ่งการนวดแผนไทยเปรียบเสมือนการกายภาพบำบัด แต่เป็นกายภาพด้วยวิธีธรรมชาติด้วยมือผ่านการนวด การกดจุด การปรับโครงสร้างร่างกายกระดูกกล้ามเนื้อ การประคบร้อนเช่นเดียวกับแพทย์ปัจจุบันที่มีการใช้เจลร้อน คลื่นความถี่ต่างๆ” อาจารย์แพทย์แผนไทยอภิรัช เล่าถึงภาพรวมของหลักวิชา
“ความเจ็บป่วยที่แสดงออกมาจากภายนอกร่างกาย เราใช้การรักษาแค่ภายนอกอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีเรื่องของกระบวนการรักษาภายในด้วย เพราะฉะนั้นการแพทย์แผนไทยจะมองลักษณะในองค์รวมทั้งหมด จะต้องรู้จักโภชนาการ อาหาร สมุนไพร เราเรียกเรื่องภายนอก ส่วนเรื่องภายในคือเภสัช คือยา ซึ่งจะใช้การตรวจ การสอบถามโดยแพทย์เพื่อวางแผนออกแบบการรักษา”
อาจารย์แพทย์แผนไทยอภิรัช กล่าวต่อไปว่า การดูแลธาตุในร่างกาย ทั้ง 4 ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ จะเป็นหลักในการรักษา และเมื่อหายจากการป่วยไข้ก็ย้อนกลับมาดูแลป้องกันซึ่งส่งผลให้สุขภาพดีอย่างยั่งยืน
“โรคที่เกิดขึ้นกับประชาชนทุกวันนี้มีเหตุเกิดจากความร้อน ลม และ เลือด ความร้อนคือสภาวะการอักเสบ สภาวะความเป็นกรดในร่างกาย ซึ่งเกิดได้จากการที่เรากินอาหาร อาทิ อาหารขยะ อาหารสำเร็จรูปที่มีสารที่ไม่ดี อนุมูลอิสระต่างๆ จำพวกของทอด ของมัน ไขมันที่ไม่ดี ทำให้ร่างกายเกิดความสึกหรอเสื่อมโทรม พอทานเยอะๆ ร่างกายเกิดการสะสมเรื้อรัง ส่งผลให้ร่างกายเกิดสภาวะการอักเสบ มีอาการปวดต่างๆ ตามร่างกาย หน้ามืดวิงเวียนหัวเพราะกรดในร่างกายที่สูง”
“สิ่งที่ตามมา จึงเกิดลมที่พัดไม่ดีในร่างกาย เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และกระทบมายังธาตุน้ำหรือระบบเลือด ระบบของเสียในร่างกาย สุดท้ายก็ไปกระทบต่อที่ธาตุดิน อาทิ หัวใจ ตับ ปอด ม้าม ไต และแสดงออกมาให้เห็น ผ่านตา หู จมูก ลิ้น และผิวหนัง เพราะเราไม่ได้ดูแลร่างกายตั้งแต่ต้นทาง แต่ถ้าเรารู้ก่อนก็สามารถป้องกันได้ก่อน รู้ที่หลังก็รักษาได้ยากหรือหากได้รับการรักษาทางแพทย์ปัจจุบันดีแล้ว ก็ต้องกลับมาสู่สภาวะจุดเริ่มต้น คือการรักษาตั้งแต่ต้นเหตุจะทำให้เรามีสุขภาพที่ดีและมีร่างกายที่แข็งแรง ตรงนี้คือสิ่งที่เป็นหลักของการแพทย์แผนไทย คือให้รู้ว่าเรามีปัญหาสุขภาพแบบนี้ เราควรจะดูแลร่างกายยังไง”
“CIM@DPU” ได้ความรู้พร้อมทักษะการใช้ชีวิต
"ผู้สนใจศาสตร์ด้านนี้ไม่ว่าจะมาตรวจดูสุขภาพของตนเอง หรือ มาศึกษาต่อ แนะนำให้ลองมาดูที่ DPU Wellness Center และ วิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ซึ่งเรามีการเรียนการสอนผ่านการลงมือปฏิบัติจริงของอาจารย์และนักศึกษาทุกชั้นปีตั้งแต่ปี 1 จนถึงปี 4” อาจารย์แพทย์แผนไทยอภิรัช กล่าวต่อไป
“เรามี DPU Wellness Center ศูนย์ดูแลสุขภาพในมหาวิทยาลัยที่เปิดให้บริการกับผู้คนทั่วไป เป็นสถานที่ตรวจและวินิจฉัยด้วยอาจารย์แพทย์แผนไทยหลายท่าน ความชำนาญของแพทย์คือ
การได้เจอคนไข้จริงๆ ยิ่งเจอปัญหาก็จะยิ่งเก่งมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะในการรักษาหากเก่งแต่ทฤษฎี พอเจอปัญหาเฉพาะหน้าก็อาจจะตื่นเต้นทำอะไรไม่ถูก เราเลยฝึกให้ไม่เกิดความประหม่าตั้งแต่ตอนเรียนไปเลย ข้อดีอีกอย่างในการเรียนวิชาชีพตั้งแต่การศึกษาในปีแรกเลย คือ รุ่นพี่ก็จะได้สอนรุ่นน้อง ทำให้รุ่นพี่กับรุ่นน้องได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้มากยิ่งขึ้นจากการเข้ามาปฏิบัติ ได้รู้ว่าวิชาชีพเป็นอย่างไร การรักษาต้องทำอย่างไร คนไข้มาใช้บริการเป็นอย่างไร โดยมีอาจารย์เป็นผู้ควบคุมดูแล ทั้งหมดตลอดระยะเวลา 4 ปี พอเรียนจบออกไปสู่สนามการทำงานจริง นักศึกษาแพทย์แผนไทยก็จะมีความพร้อมที่ไม่เพียงความรู้เน้นแต่ยังมากด้วยประสบการณ์”
“นอกจากเรียนเรื่องของวิชาชีพตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามาไม่เหมือนที่อื่นๆ เพราะไม่ได้เรียนแค่เรื่องวิชาชีพ เวชกรรมไทย เภสัชกรรมไทย การนวดไทย และการผดุงครรภ์ไทย แต่ยังเรียนควบคู่กับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ เรียนกายวิภาคศาสตร์ หรืออนาโตมี เรียนรู้เทคนิคคิดค้นสูตรการทำยาและผลิตภัณฑ์สมุนไพร สุดท้ายเรียนเรื่องของการผดุงครรภ์ไทย การดูแลสุขภาพผู้หญิงหลังคลอดลูก โดยที่สำคัญคือจะมีรายได้ระหว่างที่เรียนควบคู่ไปอีกด้วย” อาจารย์แพทย์แผนไทยอภิรัช กล่าว
“เราจะได้เรียนเรื่อง การแพทย์ชะลอวัยและการป้องกันโรค Anti-Aging and Preventive Medicine เพื่อนักศึกษาจะได้นำวิชาแพทย์แผนไทยมาประยุกต์ใช้ในการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ศาสตร์สาขานี้ที่ DPU มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับจากคนในวงการ ผศ.ดร.นพ.พัฒนา เต็งอำนวย คณบดีวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ ท่านมีความเชี่ยวชาญและอาจารย์คนแรกๆ ที่นำศาสตร์นี้เข้ามาในไทย การเรียนแพทย์แผนไทยที่ DPU จึงได้เรียนแบบองค์รวมอย่างแท้จริง เราไม่ได้เรียนเพื่อกลับมาต้มยา แต่สามารถต่อยอดไปได้หลากหลายด้วยการสอนตั้งแต่ต้นน้ำไปยังปลายน้ำ เสริมเรื่องการปฏิบัติอย่างเข้มข้น และ ความเป็นผู้ประกอบการ ซึ่งหลังเรียนจบเราจะมีโอกาสสอบใบประกอบวิชาชีพด้านการแพทย์แผนไทยทั้ง 4 ด้าน เวชกรรมไทย เภสัชกรรมไทย การนวดไทย และผดุงครรภ์ไทย ครบจบเลยที่เดียว”
“ตอนนี้สังคมผู้สูงอายุเกิดขึ้นไวมาก เกิดกลุ่มผู้รักสุขภาพ และ สนใจด้านสุขภาพมากมาย ทำให้ศาสตร์ด้านนี้มีความต้องการแพทย์แผนไทยสูงมาก ผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมโยงกับแพทย์แผนไทยก็เติบโตมาก ไม่ว่าจะเวลเนส สปา หรือ สมุนไพรไทย ยกตัวอย่างช่วงโควิด-19 ที่สมุนไพรฟ้าทะลายโจรได้รับการยอมรับ ในส่วนของตำแหน่งงาน หรือ อาชีพที่เกี่ยวข้อง ก็มีแบ่งเป็นหลายกลุ่ม อาทิ กลุ่มที่1 เวชกรรมไทย เปิดคลินิกการแพทย์แผนไทย กลุ่มที่ 2 เภสัชกรรมไทย เปิดร้านขายยาสมุนไพร แตกไปเรื่องของการทำโรงงานยาสมุนไพร อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่อยู่ในท้องตลาด แนะนำการใช้สมุนไพร แนะนำการใช้วิตามินอาหารเสริม หรืออาจจะเป็นนักวิจัย คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ กลุ่มที่ 3 ทำเกี่ยวกับด้านความงาม การดูแลผิวพรรณภายนอก เล็บ หน้า ผม ขน หรือจะเป็นกลุ่มทำหัตถการมี 2 รูปแบบ คือ หัตถการเพื่อการรักษาและหัตถการเพื่อสุขภาพ นวดเพื่อสุขภาพก็เป็นอย่างที่เราเห็นนวดทั่วๆ ไป หรือเป็นสปาเพื่อความผ่อนคลาย นวดเพื่อรักษาอีกแบบจะเป็นการนวดกดจุด แก้อาการ ประคบสมุนไพรที่เหมือนการกายภาพบำบัด กลุ่มสุดท้ายที่ 4 เรื่องของการผดุงครรภ์ การดูแลก่อนและหลังมีบุตร รวมถึงการดูแลเรื่องของสุภาพสตรีทั่วไป เรียกได้ว่าสายนี้ก็มีงานรองรับและหลากหลายมากๆ สามารถสร้างความมั่นคงได้สบาย” อาจารย์อภิรัช กล่าวทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มส่งประกายความหวังที่สดใสของวงการแพทย์แผนไทยในวันนี้และอนาคต