In News
ศูนย์การขนส่งชายแดนนครพนมเป็นจริง 'บิ๊กขบ.'ยกเสาเอกบูม!โลจิสติกส์ลุ่มน้ำโขง

กรุงเทพฯ-กรมการขนส่งทางบก ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้การเริ่มก่อสร้างโครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม ประกอบพิธียกเสาเอกอาคารสำนักงานกลาง จับมือภาครัฐและเอกชนผลักดันเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ในภูมิภาค
วันนี้ (31 พฤษภาคม 2566) นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) กระทรวงคมนาคม เป็นประธานในงานแถลงข่าวประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้การเริ่มก่อสร้างโครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม ให้กับประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ดำเนินโครงการ โดยมี นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ผู้บริหารกรมการขนส่งทางบก หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ บริษัท เอสเอซีแอล จำกัด (ผู้ร่วมลงทุน) ประชาชน สื่อมวลชน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน ณ พื้นที่ก่อสร้างโครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้จัดงานแถลงข่าวสร้างการรับรู้ การเริ่มก่อสร้างศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม ให้กับประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ดำเนินโครงการ พร้อมถือฤกษ์ประกอบพิธียกเสาเอกอาคารสำนักงานกลาง (Main Office) เพื่อความเป็นสิริมงคล ภายหลังจากได้ว่าจ้างบริษัท เทิดไท แอนด์ โค จำกัด เริ่มดำเนินการก่อสร้างในส่วนที่ภาครัฐรับผิดชอบ ประกอบด้วย โครงสร้างพื้นฐานส่วนกลางและอาคารที่ภาครัฐใช้ประโยชน์ วงเงินงบประมาณกว่า 624 ล้านบาท ตามรูปแบบและเงื่อนไขของสัญญาร่วมลงทุน (PPP) มาตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม 2565 พร้อมว่าจ้างกิจการร่วมค้า เอสเอส กรุ๊ป เป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้าง ปัจจุบันผู้รับจ้างได้ดำเนินการปรับระดับพื้นที่ก่อสร้างภายในโครงการแล้วเสร็จ และอยู่ระหว่างก่อสร้างระบบระบายน้ำ งานถนนและลานคอนกรีตเสริมเหล็ก และงานฐานรากอาคารต่าง ๆ ภายในโครงการ โดยมีความก้าวหน้างานก่อสร้างกว่า 13% (เร็วกว่าแผนงานประมาณ 4%) งานก่อสร้างสามารถดำเนินไปได้ด้วยดี และยังไม่พบปัญหาอุปสรรคใด ๆ โดย ขบ. มีแผนจะส่งมอบพื้นที่ให้กับบริษัท เอสเอซีแอล จำกัด ในฐานะผู้ร่วมลงทุนโครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม ไปดำเนินการก่อสร้างในส่วนที่ภาคเอกชนรับผิดชอบในช่วงเดือนกันยายน 2566 ซึ่งตามเงื่อนไขของสัญญาร่วมลงทุน บริษัท เอสเอซีแอล จำกัด จะเป็นผู้รับผิดชอบลงทุนค่าก่อสร้างองค์ประกอบอาคารที่ก่อให้เกิดรายได้ อาทิ อาคารรวบรวมและกระจายสินค้า อาคารคลังสินค้า อาคารซ่อมบำรุง รวมถึงการติดตั้งเครื่องมืออุปกรณ์ เช่น Gantry Crane และงานระบบต่าง ๆ มูลค่าการลงทุนของภาคเอกชนรวมกว่า 317 ล้านบาท มีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2567 พร้อมกันทั้งในส่วนที่ภาครัฐและเอกชนรับผิดชอบ
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า ศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม จะทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งสินค้าทางถนน รองรับการขนส่งสินค้าทางถนนระหว่างประเทศบนเส้นทางสาย R12 เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญและมีศักยภาพสูง สามารถเชื่อมต่อการขนส่งจากจังหวัดนครพนมไปยัง สปป.ลาว เวียดนาม และทางตอนใต้ของจีน แถบเมืองหนานหนิงเมืองเศรษฐกิจและเป็นตลาดส่งออกผลไม้ที่สำคัญของประเทศไทยได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ภายในศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม ได้ออกแบบให้มีองค์ประกอบและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับรองรับกิจกรรมทางด้านโลจิสติกส์ไว้อย่างครบครัน เป็นพื้นที่สำหรับรวบรวมและกระจายสินค้า และเป็นจุด One Stop Service สามารถรองรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หน่วยงานตรวจปล่อยสินค้า (Customs, Immigrations & Quarantines: CIQ) ทำให้สามารถตรวจปล่อยสินค้าได้อย่างเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว และสามารถพัฒนาเป็นพื้นที่ควบคุมร่วมกัน หรือ Common Control Area (CCA) รองรับการปฏิบัติงานร่วมกันของเจ้าหน้าที่ไทยและ สปป.ลาว ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการตรวจปล่อยสินค้าให้กับผู้ประกอบการขนส่งสินค้าในอนาคต นอกจากนี้ ศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม ออกแบบให้รองรับการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่ง (Modal Shift) ระหว่างทางถนนกับทางรางได้อย่างไร้รอยต่อ ผ่านแนวโครงการรถไฟทางคู่ สายบ้านไผ่ - นครพนม ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ปัจจุบัน รฟท. อยู่ระหว่างกระบวนการเวนคืนที่ดินก่อนดำเนินการก่อสร้าง จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการขนส่งไทย และช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์อีกทางหนึ่ง
นอกจากนี้ ขบ. มีแผนเปิดให้บริการโครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม ในช่วงปี 2568 โดยบริษัท เอสเอซีแอล จำกัด จะเข้ามาบริหารจัดการและบำรุงรักษาโครงการ (Operation and Maintenance : O&M) และจ่ายค่าสัมปทานให้แก่ภาครัฐ เป็นเงินรวมกว่า 298 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาโครงการ 30 ปี ตามเงื่อนไขของสัญญาร่วมลงทุน โดย ขบ. ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครพนม ที่ช่วยผลักดันให้โครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนมประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรม และเชื่อมั่นว่าโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งต่าง ๆ ที่ภาครัฐกำลังดำเนินการ จะช่วยสนับสนุนส่งเสริมให้จังหวัดนครพนมเป็น “ศูนย์กลางทางด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน” จะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนและสร้างรายได้ให้กับประชาชนในจังหวัดนครพนมและจังหวัดข้างเคียงได้ในอนาคต