Biz news

PwCชี้ธุรกิจครอบครัวฟื้นจากโควิดปี65



กรุงเทพฯ-PwC ประเทศไทย เผยแนวโน้มผลการดำเนินงานธุรกิจครอบครัวฟื้นตัวจากโควิด-19 ในปี 65ผลสำรวจธุรกิจครอบครัวฉบับล่าสุด แนะผู้บริหารใส่ใจกับการบริหารสภาพคล่องเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดชำระหนี้-ปิดกิจการ

กรุงเทพฯ, 18 มีนาคม 2564 – PwC ประเทศไทย เผยผลสำรวจธุรกิจครอบครัว (ฉบับประเทศไทย) พบผู้บริหารส่วนใหญ่คาดว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะชะลอตัวหลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19แต่มีแนวโน้มที่จะกลับมาฟื้นตัวได้ในปี 2565 โดยธุรกิจครอบครัวไทยมากกว่า 3 ใน 4ต้องการปกป้องกิจการในฐานะสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดของครอบครัวพร้อมแนะนำให้จัดการกับกระแสเงินสดอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโต

นาย นิพันธ์ ศรีสุขุมบวรชัย หัวหน้าสายงาน Clients and Markets หัวหน้ากลุ่มลูกค้าธุรกิจครอบครัว และหุ้นส่วนสายงานภาษีและกฎหมาย บริษัท PwC ประเทศไทย เปิดเผยถึง รายงานผลสำรวจธุรกิจครอบครัวทั่วโลกประจำปี 2564(ฉบับประเทศไทย) ของ PwC ซึ่งทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้มีอำนาจตัดสินใจในธุรกิจครอบครัวใน 87ประเทศและอาณาเขตทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของธุรกิจครอบครัวไทยในปี 2564 จะชะลอตัวเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจและกำลังซื้อของประชาชนขณะที่มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดในระยะที่สอง ได้ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจบางส่วนหยุดชะงักไปชั่วระยะหนึ่ง

อย่างไรก็ดีเชื่อว่า ตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีนี้แนวโน้มเศรษฐกิจและกำลังซื้อจะเริ่มฟื้นตัวและจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานในปีหน้าปรับตัวดีขึ้น หลังจากที่ไทยเริ่มมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับประชาชนในวงกว้าง

“ผู้บริหารธุรกิจครอบครัวไทยส่วนใหญ่คาดว่า ในปีนี้ยอดขายและรายได้ของบริษัทจะยังคงไม่ฟื้นตัวจากผลกระทบโควิด-19ซึ่งนอกจากประเด็นนี้การจัดการสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจจะยังคงเป็นปัญหาอย่างมากสำหรับบริษัทขนาดเล็กที่มีเงินทุนหมุนเวียนจำกัดเพราะวิกฤตโควิด-19 มีความยืดเยื้อและกินระยะเวลานานเกินกว่า 1 ปี ซึ่งต่อจากนี้ไปเราน่าจะเห็นธุรกิจครอบครัวขนาดเล็กและบริษัทอื่น ๆ ที่มีสภาพคล่องไม่พอมีการผิดนัดชำระหนี้และอาจมีปิดกิจการเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา” นาย นิพันธ์ กล่าว

ทั้งนี้ 61% ของธุรกิจครอบครัวไทยที่ถูกสำรวจ กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 จะส่งผลให้ยอดขายในปีนี้ลดลง เปรียบเทียบกับ 46%ของธุรกิจครอบครัวทั่วโลก อย่างไรก็ดี มากกว่า 1 ใน 3 ของผู้บริหารธุรกิจครอบครัวมีความเชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานจะกลับมาดีขึ้นในปีหน้า โดย 83% ของธุรกิจครอบครัวไทย และ 86% ของธุรกิจครอบครัวทั่วโลกคาดว่าธุรกิจจะกลับมาเติบโตได้ในปี 2565

รายงานของ PwC ยังระบุด้วยว่า วิกฤตโควิด-19ส่งผลให้ธุรกิจครอบครัวไทยหันมาให้ความสำคัญต่อความอยู่รอดของธุรกิจในระยะยาว รวมถึงการขยายตลาด และฐานลูกค้ากลุ่มใหม่โดยธุรกิจครอบครัวไทยมากกว่าครึ่ง หรือ 56% มุ่งเน้นในการบริหารกลยุทธ์เพื่อความอยู่รอดและปกป้องธุรกิจที่เป็นธุรกิจหลัก (Core business) ขององค์กร นอกจากนี้ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ และการเปลี่ยนองค์กรสู่ดิจิทัล (Digitalisation)ยังเป็นกลยุทธ์ที่ธุรกิจครอบครัวจะนำมาใช้ในอีกสองปีข้างหน้า

“ในช่วงสองถึงสามปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมากกว่าในอดีต เช่นเดียวกับเทรนด์และพฤติกรรมผู้บริโภค ฉะนั้นธุรกิจครอบครัวที่ไม่ได้เตรียมรับมือ หรือปรับธุรกิจให้เหมาะสมกับกระแสการเปลี่ยนแปลงนี้จะมีขีดความสามารถในการแข่งขันน้อยและจะยิ่งดำเนินธุรกิจได้ยากลำบากขึ้น” นาย นิพันธ์ กล่าว

เมื่อพิจารณาถึงความชัดเจนของบทบาท หน้าที่ และจุดแข็งของผู้นำธุรกิจครอบครัวไทย เปรียบเทียบกับธุรกิจครอบครัวทั่วโลก พบว่าธุรกิจครอบครัวไทยมีแนวโน้มที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงได้น้อยกว่า โดยมีเพียง 28% ของผู้นำธุรกิจครอบครัวไทยเท่านั้นที่ระบุว่าธุรกิจมีความสามารถทางด้านดิจิทัลสูง เปรียบเทียบกับ 38% ของธุรกิจครอบครัวทั่วโลกการสรรหาแหล่งเงินทุนและจัดการกระแสเงินสดฝ่าวิกฤต

จากผลสำรวจพบว่า ธุรกิจครอบครัวทั่วโลกส่วนใหญ่ยังคงใช้แหล่งเงินทุนแบบดั้งเดิมในการขับเคลื่อนธุรกิจ เช่นกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และสินเชื่อจากธนาคาร ขณะที่ 25%ของธุรกิจครอบครัวไทยต้องการแหล่งเงินทุนเพิ่มในช่วงปีที่ผ่านมา (เปรียบเทียบกับทั่วโลกอยู่ที่ 21%)

นาย นิพันธ์ กล่าวต่อว่า ธุรกิจครอบครัวขนาดเล็กที่มีความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนหรือที่ปรึกษาทางธุรกิจน้อยกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ อาจร่วมมือกับแพลตฟอร์มขนาดใหญ่อย่าง ซูเปอร์แอปพลิเคชัน (Super Application) ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่ครอบคลุมทุกบริการและกลุ่มผู้บริโภค
หรือมีลูกค้าที่การเข้าใช้บริการเป็นประจำทุกวันอยู่แล้วเพื่อต่อยอดกิจการ ซึ่งแม้จะมีต้นทุนในการเข้าร่วมแต่จะเป็นการเพิ่มกระแสเงินสดให้เข้าสู่ธุรกิจได้อีกทางหนึ่งเมื่อถามถึงภาพรวมของธุรกิจครอบครัวไทยในปี 2564 นาย นิพันธ์ กล่าวสรุปว่า

“ปีนี้ถือเป็นปีที่จะประเมินความสามารถของธุรกิจครอบครัวในการดำเนินธุรกิจให้ผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 อย่างแท้จริงแต่ในทางกลับกัน เราจะเห็นผู้นำธุรกิจครอบครัวรุ่นใหม่นำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้และใช้วิกฤตเป็นโอกาสในการต่อยอดธุรกิจเดิมหรือเกิดกิจการใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลที่จะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการเติบโตของธุรกิจในโลกยุคนิวนอร์มอลต่อไป”