In Thailand

การแข่งขันกีฬาสังข์ทองเกมส์ครั้งที่42 



กระบี่-นักเรียนกว่า 3,000  คน ร่วมการแข่งขันกีฬาสังข์ทองเกมส์ ครั้งที่  42  เปิดสนามใน ชุด “ชวนน้องล่องใต้”  สร้างความเข้าใจอันดี  สร้างความสามัคคีกลมเกลียว ขจัดพฤติกรรมอันไม่พึงปรารถนาของสังคมโดยเฉพาะปัญหายาเสพติด

วันนี้ 8 กรกฎาคม 2566  นายอาคม  สุชาติพงศ์   ศึกษาธิการจังหวัดกระบี่  เป็นประธานเปิดงานกีฬา  สังข์ทองเกมส์  ครั้งที่  42  ณ สนามกีฬาโรงเรียนสังข์ทองวิทยา   อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ โดยมี ดร.ธีร์  สังขสัญญา ผู้อำนวยการโรงเรียนสังข์ทองวิทยา กล่าวรายงาน

   

ดร.ธีร์  สังขสัญญา กล่าวว่า การจัดการแข่งขันกีฬาสังข์ทองเกมส์ครั้งที่  42  ได้ดำเนินการแข่งขันเป็นประจำทุกปี มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนได้แสดงออกถึงความสามารถด้านกีฬา  กรีฑา   เป็นผู้มีน้ำใจนักกีฬา  รู้แพ้  รู้ชนะ  รู้อภัย   สร้างความสามัคคีในหมู่คณะ  ระหว่าง  ชุมชน  ผู้ปกครอง  ครู   และนักเรียน  ปลูกฝังการรักในการออกกำลังกายให้กับนักเรียน โรงเรียนสังข์ทองวิทยา มีครูและบุคลากรทางการศึกษาจำนวน  206  คน  นักเรียน 3,750  คน 

รูปแบบจัดการแข่งขันแบ่งออกเป็น 5  หน่วยสี  คือ  สีชมพู   สีเขียว   สีฟ้า   สีเหลือง  และสีม่วง  จัดการแข่งขันกีฬาและกรีฑา  โดยกีฬามี 2 ชนิดกีฬา คือ ฟุตบอล  และวอลเลย์บอล         สำหรับกรีฑาจัดการแข่งขัน   2 วัน  คือ  วันที่ 8  และ 9   กรกฎาคม  2566  แบ่งรุ่นกรีฑาออกเป็น 7  รุ่น  อายุ  3 ปี  4 ปี   5 ปี   6 ปี    8 ปี   10 ปี  แล12 ปี   การจัดการแข่งขันสังข์ทองเกมส์ครั้งที่  42 ในครั้งนี้ มีการเปิดสนามใน ชุด “ชวนน้องล่องใต้”   มีนักเรียนเข้าร่วมจำนวน  1,073  คน โดยมีข้าราชการครูและบุคคลภายนอก ได้ร่วมเป็นกรรมการตัดสิน

   

นายอาคม  สุชาติพงศ์   กล่าวว่ากีฬา คือ สื่อในการสืบสานสายสัมพันธ์  สร้างความเข้าใจอันดี  สร้างความสามัคคีกลมเกลียวให้เกิดขึ้นในหมู่คณะ  กีฬาจะเป็นสิ่งขจัดพฤติกรรมอันไม่พึงปรารถนาของสังคม  โดยเฉพาะสังคมวัยรุ่นซึ่งปัญหายาเสพติดกำลังเป็นปัญหาที่มีความรุนแรงมากขึ้นทุกปี  การใช้กีฬาในการแก้ปัญหานับว่าท่านทั้งหลายได้เดินมาถูกทาง สมดังคำกล่าวของ พระยาธรรมศักดิ์มนตรี  ในเพลงกราวกีฬาของท่านที่ว่า “กีฬาเป็นยาวิเศษ แก้กองกิเลส  ทำคนให้เป็นคน”  คนจะเป็นคนโดยสมบูรณ์ได้ต้องมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ  กีฬาจึงได้รับการสนับสนุนให้มีการจัดการแข่งขันกันอย่างกว้างขวางทั้งระดับชุมชนไปจนถึงระดับนานาชาติ

ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง / กระบี่