Biz news
โรโบเวลธ์ปั้นWealth Tech Ecosystem
กรุงเทพฯ- COVID-19 คือตัวเร่งการเติบโตแบบก้าวกระโดดของอุตสาหกรรม Fintech ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย เห็นได้จากจำนวนนักลงทุนที่หันมาใช้ Digital Platform มากขึ้น โรโบเวลธ์จึงมุ่งพัฒนาบริการด้าน Wealth Tech โดยเน้นร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการสร้างระบบนิเวศน์ด้านการเงินอย่างยั่งยืน คาดว่าการเติบโตในปี 64 จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยหนึ่งเท่าตัวเมื่อเทียบกับรายได้และ AuM ในปีก่อนหน้า
นายชลเดช เขมะรัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท โรโบเวลธ์กรุ๊ป จำกัด ผู้นำในการให้บริการด้านการลงทุน ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล หรือ Wealth Tech เปิดเผยว่าในปี 63 ที่ผ่านมา หลายภาคส่วนได้รับผลกระทบจาก COVID-19 แต่ภาพรวมของอุตสาหกรรม Fintech กลับไม่ได้รับผลกระทบมากนัก โดยอ้างอิงข้อมูลจาก CB Insights พบว่า ปี 63 มีการระดมทุนของ Fintech Start-up ทั่วโลกได้ถึง 42,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับปี 62 ในขณะเดียวกัน การระดมทุนในกลุ่ม Wealth Tech ยังมีการเติบโตสวนทางกับสถานการณ์ COVID-19 อีกด้วย สำหรับในไทย Wealth Tech Start-up หลายรายสามารถปิดดีลระดมทุนได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีรายได้โตขึ้นอย่างมาก โดยที่โรโบเวลธ์เองก็สามารถระดมทุนในรอบ Series A ได้สำเร็จ และมีรายได้รวมโตขึ้นจากปี 62 ถึง 130%
โรโบเวลธ์ ชูแผนปี 64 ภายใต้แนวคิด Empower Future Financial Ecosystem ด้วยการขยายความร่วมมือแบบ Business-to-Business (B2B) กับทุกภาคส่วนทั้งในและต่างประเทศผ่าน Business Model แบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Robo-for-advisors ที่ออกแบบมาเพื่อเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของที่ปรึกษาการลงทุน โดยสถาบันการเงินอื่นสามารถนำระบบนี้ไปใช้งานต่อได้ นอกจากนี้ โรโบเวลธ์ยังมีแผนการพัฒนา Robo-provident-fund ระบบการจัดพอร์ตกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแบบอัตโนมัติด้วย Robo-advisor ให้องค์กรต่าง ๆ ได้นำระบบนี้ไปใช้เป็นสวัสดิการแก่พนักงาน ช่วยให้พนักงานติดตามผลการลงทุนได้อย่างสะดวกมากขึ้น ทั้งนี้โรโบเวลธ์ยังเห็นถึงความจำเป็นในการขยายฐานนักลงทุน เราจึงได้วางแผนนำเสนอบริการ Micro-investment ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ ให้นักลงทุนรายย่อยสามารถลงทุนในเงินจำนวนน้อย ๆ ไปพร้อมกับทุกครั้งที่มีการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เพื่อให้คนทั่วไปเข้าถึงการลงทุนง่ายขึ้น
นายชลเดช ทิ้งท้ายว่า การสร้าง Infrastructure เป็นเรื่องจำเป็นที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันพัฒนา เพื่อรองรับการเติบโตของจำนวนนักลงทุนและปริมาณธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นตามการปรับตัวในยุค New Normal โรโบเวลธ์จึงวางยุทธศาสตร์ Co-opetition ด้วยการร่วมมือกับคู่ค้าและคู่แข่งผ่านความร่วมมือแบบ B2B นำไปสู่การเติบโตภายใต้กลยุทธ์การสร้างระบบนิเวศน์ด้านการเงินอย่างยั่งยืน