Biz news

พรีม่า50ปีผสานรัฐ-เอกชนหนุนพัฒนานวัตกรรมสุขภาพ



กรุงเทพฯ - สมาคมผู้วิจัยและผลิตเภสัชภัณฑ์ (PReMA: พรีม่า) ตอกย้ำภารกิจหลักตลอดระยะเวลา 50 ปีในการสนับสนุนนวัตกรรมด้านสุขภาพ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทย เดินหน้าผสานความร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชนด้านสาธารณสุข มุ่งยกระดับประเทศไทยสู่การเป็น “ศูนย์กลางความมั่นคงทางสุขภาพในภูมิภาค” เปิดเวทีสัมมนาวิชาการ “50 Years of Health Innovation: Partnership for Regional Health Security” จุดประกายความคิดและสานต่อเครือข่ายการทำงาน เพื่อสนับสนุนการคิดค้นและพัฒนายานวัตกรรมและแนวทางการรักษาโรคต่าง ๆ ที่จะยกระดับความมั่นคงทางด้านสุขภาพของประเทศไทยไปอีกขั้น โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้เกียรติร่วมงานและกล่าวปาฐกถาเปิดงาน ภายในงานมีการแลกเปลี่ยนข้อมูล องค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม โดยนักวิชาการและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับความท้าทายด้านสุขภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ณ โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก

ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีความเข้มแข็งด้านความมั่นคงทางด้านสุขภาพเป็นอันดับ 6 จาก 195 ประเทศ โดยเป็นประเทศกำลังพัฒนาเพียงประเทศเดียวที่ถูกจัดให้อยู่ในอันดับ Top 10 ของโลก และเป็นอันดับที่ 1 ในเอเชีย* แสดงให้เห็นถึงความพร้อมและความสามารถในการรับมือต่อภาวะการแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่ในระดับต้น ๆ ของโลก อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังสามารถที่จะพัฒนาและเพิ่มศักยภาพเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านสุขภาพให้ประชาชนมีสุขภาวะที่ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนทางสังคม และการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

ดร.นรา เดชะรินทร์ นายกสมาคมผู้วิจัยและผลิตเภสัชภัณฑ์ (พรีม่า) กล่าวว่า “ความมั่นคงทางด้านสุขภาพของประเทศไทยเกิดจากการมีระบบประกันสุขภาพที่ดี ประกอบด้วย ระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ระบบประกันสังคม และระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ รวมถึงการพัฒนานวัตกรรรมด้านสุขภาพ ได้แก่ การพัฒนายาและวัคซีนนวัตกรรม เครื่องมือทางการแพทย์ และกระบวนการรักษาที่ทันสมัย และเรายังมีระบบการติดตามและควบคุมโรคที่ทันสมัย ซึ่งทำให้อัตราการเจ็บป่วยและอัตราการเสียชีวิตจากโรคต่าง ๆ ลดลง อัตราการรอดชีวิตสูงขึ้น ผู้ป่วยมีอายุที่ยืนยาวขึ้น”

การจะสร้างความมั่นคงทางสุขภาพที่เข้มแข็งได้นั้น ต้องอาศัย 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ การบริหารการเงินการคลังด้านสุขภาพ การเข้าถึงการให้บริการทางด้านสุขภาพได้อย่างทันท่วงที และความสามารถในการเข้าถึงกระบวนการรักษา ยา และเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ  ซึ่งต้องอาศัยนวัตกรรมด้านสุขภาพในการสร้างสรรค์และพัฒนา

ด้าน นพ.ทวิราป ตันติวงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสมาคมผู้วิจัยและผลิตเภสัชภัณฑ์ (พรีม่า)  กล่าวว่า “ด้วยความมุ่งมั่นของพรีม่าและสมาชิกซึ่งเป็นบริษัทผู้วิจัยและพัฒนายานวัตกรรมต่าง ๆ ในการผลักดันและพัฒนานวัตกรรมด้านสุขภาพเพื่อเสริมความเข้มแข็งของความมั่นคงทางสุขภาพของประเทศไทย ในโอกาสครบรอบ 50 ปีการดำเนินงานของพรีม่าในประเทศไทย จึงได้จัดให้มีการสัมมนาวิชาการ “50 Years of Health Innovation: Partnership for Regional Health Security” ขึ้น เพื่อจุดประกายและขยายกรอบความคิดร่วมกับทุกภาคส่วน ซึ่งจะนำไปสู่การยกระดับความมั่นคงทางด้านสุขภาพให้กับประเทศไทย โดยมีหัวข้อสำคัญที่ครอบคลุมในเรื่องการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับความมั่นคงทางด้านสุขภาพในยุคที่โลกเชื่อมต่อถึงกัน การสร้างคุณค่าให้กับประเทศด้วยนวัตกรรมด้านสุขภาพ ความยั่งยืนทางการเงินในยุคสังคมผู้สูงวัย และการผสานความร่วมมือเป็นพันธมิตรเพื่อความมั่นคงทางด้านสุขภาพในระดับภูมิภาค”

นพ.ทวิราป เสริมว่า การวิจัยทางคลินิกเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านการดูแลสุขภาพ ทำให้เกิดยา     ใหม่ ๆ เพื่อใช้รักษาโรคที่ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ รวมถึงช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจหลักของพรีม่าในการผลักดันให้เกิดการพัฒนายาใหม่ ๆ ด้วยการวิจัยและพัฒนา โดยทำงานผสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งหากได้การสนับสนุนจากภาครัฐและจากพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง ก็จะเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับระบบสาธารณสุขและนำไปสู่การมีความมั่นคงทางด้านสุขภาพที่เข้มแข็งได้นั่นเอง

“สิ่งสำคัญที่จะทำให้เกิดการยกระดับความมั่นคงทางด้านสุขภาพอย่างเป็นรูปธรรมได้นั้น จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งจากหน่วยงานผู้กำกับดูแลนโยบาย สถาบันวิจัยต่าง ๆ สถาบันการศึกษา ผู้ประกอบการ และภาคเอกชน ในการร่วมสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ในระบบสุขภาพให้เกิดขึ้น และประเทศไทยจะกลายเป็นต้นแบบให้กับนานาประเทศ และเป็นศูนย์กลางด้านความมั่นคงของภูมิภาค ความมั่นคงทางด้านสุขภาพคือตัวชี้วัดสำคัญที่จะสะท้อนคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทย และยังเป็นผลต่อเนื่องที่จะทำให้เกิดความมั่นคงทางสังคมและความมั่นคงทางเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับรากฐานไปจนถึงระบบเศรษฐกิจของประเทศ” ดร.นรา กล่าวทิ้งท้าย