Biz news

โอกาสเพิ่มขึ้น เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง ในการซื้อขายหุ้นในประเทศไทย



ปีนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในปี 2566 ตลาดหุ้นไทยดำเนินกิจการมาเป็นเวลา 48 ปี โดยทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการ การเติบโตทางเศรษฐกิจ ในประเทศ ในเดือนพฤษภาคม มีการเผยแพร่รายงานที่เน้นบทบาทของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในการเป็นช่องทางในการรวบรวมและจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การให้โอกาสในการระดมทุนแก่ธุรกิจต่างๆ ช่วยให้ผู้ลงทุนกระจายพอร์ตการลงทุน และการสะสมความมั่งคั่งในช่วง 5 ทศวรรษที่ผ่านมา จุดแข็งของตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังเป็นข้อพิสูจน์ถึงการเติบโตของการซื้อขายหุ้นในประเทศและการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม

อุตสาหกรรมที่น่าเชื่อถือ

นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2518 ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการเติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันกับความต้องการในปัจจุบัน ภายในสิ้นปี 2565 อยู่ที่ 1,668.66 จุด โดยมีการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 6.56% (CAGR) เมื่อพิจารณาผลตอบแทนรวมของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่ปี 2545 พบว่ามีอัตราการเติบโตต่อปีอยู่ที่ 12.08% ปี 2565 ยังมีมูลค่าการซื้อขายหุ้นเฉลี่ย 76,773 ล้านบาทต่อวัน ในบรรดาภูมิภาคอาเซียน ตลาดหลักทรัพย์ยังคงมีสภาพคล่องในการซื้อขายสูงสุด ซึ่งครองตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2555

นอกจากนี้ บริษัทไทยไม่เพียงแต่มีผลประกอบการที่ดีในแง่ของตลาดแต่ในแง่ของ ตัวชี้วัดการยัดรัดทางด้านความยั่งยืน เช่นกัน. S&P Global เผยแพร่รายงานความยั่งยืนประจำปีนี้ ซึ่งพิจารณาบริษัทต่างชาติมากกว่า 7,800 แห่งที่ได้รับการประเมินในการประเมินความยั่งยืนขององค์กร (CSA) ปี 2022 บริษัท 712 แห่งได้รับการคัดเลือกและจัดอันดับตามคะแนน S&P Global ESG ที่คำนวณจาก CSA ตลท.เผย 12 บริษัทไทยติดอันดับ 1% แรกของ S&P Global ESG Score

การไหลเข้าของการลงทุนและนักลงทุนรายใหม่

ความแข็งแกร่งของตลาดหุ้นไทยและภูมิทัศน์การซื้อขายหุ้นที่เพิ่มขึ้นได้กระตุ้นให้นักลงทุนชาวไทยกระจายพอร์ตการลงทุนของตนกับหุ้นต่างประเทศ ในปี 2564 นักลงทุนไทยแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นลงทุนในหุ้นในสหรัฐอเมริกาและลักเซมเบิร์กเป็นหลัก การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศเพิ่มขึ้น 19.1% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการผ่อนปรนข้อจำกัดของรัฐบาลและกฎเกณฑ์อัตราแลกเปลี่ยนใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย

นอกจากนี้ ความพยายามที่ต้องการทำให้ตลาดหุ้นไทยเป็นมีส่วนรวมของทุกคน ตลาดหลักทรัพย์ได้เปิด Fractional Depositary Receipt (DRx) เพื่อให้นักลงทุนอายุน้อยจากกลุ่มรายได้ต่ำสามารถเข้าถึงหุ้นต่างประเทศอย่าง Apple และ Tesla ได้มากขึ้น ความเคลื่อนไหวที่คล้ายกันนี้เกิดขึ้นเมื่อหกปีที่แล้วเมื่อมีการเปิดตัวบริการ Dollar-Cost Averaging (DCA) ขณะนี้ DRx ไม่ต้องการขีดจำกัดการลงทุนขั้นต่ำและมีไว้สำหรับใช้กับบัญชีเงินสดคงเหลือ ตลาดหลักทรัพย์จึงทำตามคำมั่นสัญญาที่จะมีโอกาสการลงทุนที่ครอบคลุมและยั่งยืน

เมื่อนักลงทุนหน้าใหม่เริ่มเข้าสู่ตลาดหุ้น พวกเขามีโอกาสที่จะใช้ประโยชน์จากตลาดหุ้นที่แข็งแกร่งของประเทศไทย วิธีที่ดีที่สุดในการทำเช่นนี้คือการใช้แพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ที่มีแหล่งข้อมูลและเครื่องมือทางการศึกษา เช่น เครื่องคิดเลขการเงิน ด้วยเครื่องคำนวณการลงทุน ผู้เริ่มต้นสามารถรับข้อมูลเชิงลึกว่าการลงทุนของตนอาจดำเนินการอย่างไรในแต่ละวัน เครื่องคำนวณการลงทุนจะคำนวณข้อมูลพื้นฐานของตำแหน่งการซื้อขายของคุณโดยอัตโนมัติ รวมถึงมาร์จิ้น ต้นทุนสเปรด ค่าคอมมิชชัน สวอปสั้น สวอปยาว และมูลค่า pip เป็นผลให้ผู้มาใหม่สามารถทดสอบได้ก่อนโดยไม่ต้องเสียเงินทุนที่มีจำกัด ด้วยการใช้เครื่องมือ เช่น เครื่องคำนวณการลงทุน ผู้เริ่มต้นสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้นและมีข้อมูลมากขึ้นเกี่ยวกับวิธีการลงทุนและใช้ประโยชน์จากเงินทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด

การจัดลำดับความสำคัญของหุ้นในประเทศ

การเติบโตอย่างรวดเร็วของกลุ่มนักลงทุนของไทยซึ่งนิยมในการลงทุนจากต่างประเทศ กำลังจุดประกายให้เกิดการกล่าวถึงของรัฐบาลเกี่ยวกับการเก็บภาษีผลตอบแทนจากการลงทุนจากต่างประเทศ จุดมุ่งหมายคือการผลักดันให้นักลงทุนไทยลงทุนในหุ้นในประเทศ ในทางกลับกัน นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ยืนยันว่าการขายหุ้นจะไม่ถูกเก็บภาษี ซึ่งช่วยฟื้นแนวโน้มตลาดหุ้นไทยอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อตอบสนองชาวต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิในปีนี้ 147 พันล้านบาท เทียบกับปีที่แล้วที่สูงถึง 202 แสนล้านบาท

ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่ารัฐบาลจะตัดสินใจเก็บภาษีผลตอบแทนการลงทุนจากต่างประเทศหรือไม่ก็ตาม ภาพรวมการซื้อขายหุ้นในประเทศไทยยังคงแข็งแกร่ง โดยมีนักลงทุนรายใหม่และผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ๆ เกิดขึ้นปีแล้วปีเล่า