Automotive info
ขบ.ยกมาตรฐานยานยนต์ไทยให้ทันโลก ให้มีระบบห้ามล้อ-ติดอุปกรณ์ส่องสว่าง
กรุงเทพฯ-กรมการขนส่งทางบก ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของยานยนต์ กำหนดให้ระบบห้ามล้อของรถยนต์ และการติดตั้งอุปกรณ์ส่องสว่างและอุปกรณ์แสงสัญญาณของรถจักรยานยนต์สอดคล้องตามมาตรฐานสากล
ตามที่ นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบนโยบายให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) พัฒนา ปรับปรุงข้อกำหนดทางเทคนิคด้านยานยนต์เพื่อให้รถมีความปลอดภัยในการใช้งาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเทียบเท่ามาตรฐานสากล เช่น ข้อกำหนดสหประชาชาติ (UN Regulations) ซึ่งเป็นข้อกำหนดทางเทคนิคด้านยานยนต์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลและเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในหลายประเทศทั่วโลก และเป็นการส่งเสริมให้บรรลุผลตามเป้าหมายทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน (Decade of Action for Road Safety 2021 - 2030) โดยนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ขบ. ได้ออกประกาศหลายฉบับ เช่น มาตรวัดความเร็ว (UNR39) อุปกรณ์มองภาพรถจักรยานยนต์ (UNR81) กระจกนิรภัย (UNR43) แตรสัญญาณ (UNR28) จุดยึดเข็มขัดนิรภัย (UNR14) การติดตั้งเข็มขัดนิรภัย (UNR16) ที่นั่งและจุดยึดที่นั่งและพนักพิงศีรษะ (UNR17) ระบบห้ามล้อรถจักรยานยนต์ (UNR78) ระดับเสียง (UNR41/51) และความปลอดภัยทางไฟฟ้าของยานยนต์ไฟฟ้า (UNR100/136) เป็นต้น ซึ่งส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์ดังกล่าวต้องได้รับการรับรองแบบจาก ขบ. ก่อน รถจึงจะสามารถจดทะเบียนเพื่อใช้งานบนท้องถนนได้ ทั้งนี้ ขบ. ได้เดินหน้ายกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของตัวรถอย่างต่อเนื่อง และได้ออกประกาศเพิ่มเติม 2 ฉบับ ได้แก่ 1) ประกาศระบบห้ามล้อรถยนต์ (1) (สอดคล้องตามข้อกำหนดสหประชาชาติที่ 13H หรือ UN Regulation No.13H) เพื่อกำหนดมาตรฐานของระบบห้ามล้อรถยนต์ เช่น อุปกรณ์ห้ามล้อ ระบบห้ามล้อหลัก ระบบห้ามล้อสำรอง ระบบห้ามล้อขณะจอด และระบบป้องกันล้อล็อก (Anti-lock system) เป็นต้น และ 2) ประกาศการติดตั้งอุปกรณ์ส่องสว่างและอุปกรณ์แสงสัญญาณของรถจักรยานยนต์ (2) (สอดคล้องตามข้อกำหนดสหประชาชาติที่ 53 หรือ UN Regulation No.53) เพื่อกำหนดมาตรฐานของอุปกรณ์ส่องสว่างและอุปกรณ์แสงสัญญาณของรถจักรยานยนต์ รวมทั้ง สี จำนวน ตำแหน่ง การมองเห็น ทิศทางการส่องของแสง และสัญญาณแสดง (Tell-tales) เป็นต้น โดยประกาศทั้ง 2 ฉบับ จะเริ่มมีผลใช้บังคับกับแบบรถใหม่ที่ผลิต ประกอบ หรือนำเข้า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวต่อไปว่า ในการจดทะเบียนรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ผู้ผลิต ประกอบ หรือนําเข้ารถยนต์นั่ง (ที่มีจำนวนที่นั่งไม่เกิน 9 ที่นั่ง) รถยนต์บรรทุก (ที่มีน้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 3,500 กิโลกรัม) และรถจักรยานยนต์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อ “จำหน่าย” หรือ “ใช้เองเกินกว่าจำนวนที่กำหนด” (3 คัน/แบบ/ปี สำหรับรถยนต์ และ 5 คัน/แบบ/ปี สำหรับรถจักรยานยนต์) ต้องขอรับรองแบบส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์ของรถกับ ขบ. ก่อนจึงจะสามารถจดทะเบียนได้ โดยผู้ผลิต ประกอบ หรือนําเข้ารถต้องจัดเตรียมเอกสารสำหรับยื่นขอรับรองแบบ เช่น เอกสารแสดงข้อมูลรายละเอียดรถ รายงานผลการทดสอบ และเอกสารแสดงการตรวจสอบการผลิตให้เป็นไปตามต้นแบบ รวมทั้งเตรียมรถต้นแบบเพื่อเข้ารับการตรวจสอบ โดยสามารถยื่นขอรับรองแบบ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มมาตรฐานยานยนต์ สำนักวิศวกรรมยานยนต์ อาคาร 6 ชั้น 3 ขบ. หมายเลขโทรศัพท์ 02 271 8603 หรือเว็บไซต์ สำนักวิศวกรรมยานยนต์ https://aeb.dlt.go.th/th
หมายเหตุ (1) ประกาศ ขบ. เรื่อง กำหนดคุณสมบัติ คุณลักษณะ ระบบการทำงาน และสมรรถนะ และกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับรองแบบระบบห้ามล้อของรถยนต์ พ.ศ. 2565 (2) ประกาศ ขบ. เรื่อง กำหนดคุณสมบัติ คุณลักษณะ ระบบการทำงาน และสมรรถนะ และกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับรองแบบการติดตั้งอุปกรณ์ส่องสว่างและอุปกรณ์สัญญาณของรถจักรยานยนต์ พ.ศ. 2565